บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1677 ความคิดของพวกเด็ก
แม้ว่าพวกเขากับคนห้องหนึ่งจะไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน แต่ว่าในโรงเรียนตู้เหวินจื้อมีชื่อเรื่องขี้ขลาด แมลงสาบตัวหนึ่งก็สามารถตกใจจนเขากระโดดขึ้นมาได้ครึ่งวัน
คนที่ขี้ขลาดขนาดนี้กล้ากระโดดตึก? ตีให้ตายก็ไม่เชื่อ
“ไม่ใช่สิ ฉันรู้สึกว่าอาจจะเกิดเรื่อง ฉันไปบอกผู้คุมหอพักด้วยดีกว่า” หลี่เจี้ยนฮุยนึกถึงสีหน้าท่าทางของตู้เหวินจื้อ เหมือนกับเป็นความสงบนิ่งหลังจากที่คลุ้มคลั่งมาแล้วเช่นนั้น น่ากลัวเล็กน้อย
“ตึกชั้นบนสุดล็อกไว้แล้ว แม้ว่าเขาต้องการจะกระโดดตึกก็ขึ้นไปไม่ได้หรอก” หลี่จื่อเยว่หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ “ไม่สนใจนาย อยากจะไปก็ไปเถอะ”
หลี่เจี้ยนฮุยเห็นทุกคนล้วนมีท่าทางไม่เชื่อถือ ร้อนใจเล็กน้อยแล้ว
หยู่เหวินหวงวางหนังสือลง ลุกขึ้นยืน “นายไปบอกผู้คุมหอพัก ฉันจะขึ้นไปดู”
หลี่เจี้ยนฮุยกรอกตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง เหนือความคาดหมายเล็กน้อย
ตั้งแต่ครั้งนั้นมา พวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกสักประโยคเดียว
“รีบไปสิ!” หยู่เหวินหวงพูดจบ เขาก็ผลักเหยี่ยโซ่ว ที่อยู่หน้าประตูออกไป
ทุกคนเห็นว่าหยู่เหวินหวงเริ่มเป็นห่วงเพื่อนนักเรียนอย่างคิดไม่ถึง นั้นกลับเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจใครมาก่อน
ดังนั้น ทุกคนจึงวางสิ่งของลงทั้งหมด ตามเขาขึ้นไปดู
หลี่เจี้ยนฮุยดึงหลี่จื่อเยว่ไว้ “นายไปบอกผู้คุมหอพัก ฉันจะตามขึ้นไปดู”
หอพักด้านข้างเห็นพวกเขาเดินไปทางด้านนอกด้วยความรีบร้อน คิดว่าต้องการจะไปต่อยตีกัน เด็กผู้ชายในเวลานี้เลือดลมจิตใจเพียงพอ ชอบดูความคึกคัก จึงรีบตามขึ้นไปทันที
ตลอดทางที่วิ่งเข้าไป นักเรียนทั้งชั้นของหอพักก็วิ่งตามไปที่ชั้นบนสุดของตึกแล้ว
หยู่เหวินหวงเห็นว่าที่กั้นประตูชั้นบนสุดของตึกถูกทำลาย จิตใจก็ตึกตักเสียงหนึ่ง รีบวิ่งเข้าไปในพริบตา
บนดาดฟ้าดำมืดทั้งผืน เห็นเพียงแค่เงาคนเลือนรางเงาหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นหินที่ราวเหล็กกั้นเท่านั้น ขาสองข้างห้อยลงไป เสียงร้องไห้ฮือๆๆๆพร้อมกับเสียงลมดังมา
หยู่เหวินหวงเพิ่งจะคิดว่าจะเข้าไปพาคนออกมา ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าของรองเท้าแตะเปาะแป๊ะๆดังมา นักเรียนกลุ่มใหญ่พรั่งพรูขึ้นมาแล้ว เปิดไฟฉายของโทรศัพท์แล้วส่องเข้าไป
ไฟฉายของโทรศัพท์ส่องอยู่มากมายขนาดนี้ หยู่เหวินหวงก็ยากที่จะใช้ความสามารถพิเศษ ทำได้เพียงเคลื่อนไปข้างกายของตู้เหวินจื้อทีละก้าวๆเท่านั้น
“ตู้เหวินจื้อ!” หลี่เจี้ยนฮุยเห็นชัดเจนว่าเป็นตู้เหวินจื้อจริงๆ อีกทั้งตำแหน่งที่เขานั่งอันตรายเป็นที่สุด อดไม่ได้ที่จะตกใจร้องตะโกนเสียงหลงขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไป “นายทำอะไร? รีบกลับมา”
ตู้เหวินจื้อร้องไห้อยู่ หันหน้ามาเห็นคนมากมายขนาดนี้เข้ามา ไฟฉายโทรศัพท์ส่องจนเขาลืมตาไม่ขึ้น เขาตะโกนอย่างเสียสติ “อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา!”
มือข้างหนึ่งของเขาจับราวเหล็กล้อมด้านข้างแท่นหินไว้ มือหนึ่งพยายามโบกมือเต็มที่ ลมแรงมาก พัดจนร่างกายของเขาโอนเอนเหมือนจะตก โยกทีหนึ่งนี้ก็แทบจะทำให้เพื่อนนักเรียนตกใจจนอึ้งไป
แม้ว่าเหล่านักเรียนจะเคยเห็นคนกระโดดตึกในอินเทอร์เน็ตมาก่อน แต่ว่า เกิดขึ้นเบื้องหน้าของตัวเองจริงๆ ก็สะเทือนขวัญเกินไปแล้ว
โดยปกติหลี่เจี้ยนฮุยมักจะบอกว่าตัวเองกล้าหาญ ใครก็ไม่กลัว ยังจะชอบต่อยตีอีก แต่ตอนนี้ได้เห็นของจริง ตกใจจนเข่าอ่อน กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เคลื่อนไปด้านหลัง “ได้ ฉันไม่เข้าไป นายอย่าตื่นกังวล”
มือหนึ่งของเขายังจะลากหยู่เหวินหวงที่เคลื่อนไปด้านหน้ากลับมาอีกด้วย กลัวเพียงอย่างเดียวว่าพวกเขาเข้าไปแล้วจะทำให้ตู้เหวินจื้อตกใจกระโดดลงไป แบบนั้นก็ทำร้ายหนึ่งชีวิตแล้ว
หยู่เหวินหวงถูกเขากระตุกแขนเสื้อลากไปด้านหลัง ขมวดคิ้วสะบัดเขาออก
“นายอย่าเข้าไป นายไม่ต้องขยับ” หลี่เจี้ยนฮุยตกใจจนเสียงสั่นหมดแล้ว กังวลเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะกอดเอวของหยู่เหวินหวงไว้ กลัวว่าเขาจะเขาไปอย่างกะทันหันแล้วทำให้ตู้เหวินจื้อตกใจ
หยู่เหวินหวงผลักเขาออก กล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือก“นายไม่ต้องมาดึงฉันไว้”
โดยปกติหลี่เจี้ยนฮุยมักจะคุยโวโอ้อวดว่ากล้าหาญ ตอนนี้ตกใจกลัวจนเป็นยังไงแล้ว หากไม่ใช่ว่าพวกเขาตามขึ้นมา เขาก็พาตู้เหวินจื้อกลับมาแล้ว
“นายอย่าขยับ นายอยากจะทำให้เขาตายหรือไง?” หลี่เจี้ยนฮุยยังคงคว้ามือของเขาไว้ กดน้ำเสียงกล่าวอย่างดุดัน
หยู่เหวินหวงจนปัญญาแล้ว แต่เห็นสองขาของเขายังสั่นด้วยความกลัวเป็นอย่างมากอยู่ตลอด ไม่สนใจเขาก่อน คอยหาโอกาสที่เหมาะสมเข้าไปช่วยตู้เหวินจื้อ