บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1680 เชื่อนาย
ไฟหอพักดับแล้ว
ทุกคนค่อยๆเข้านอน แต่คาดว่าคงไม่มีผู้ใดนอนหลับ
ก่อนหน้านี้
เหยี่ยโซ่วถึงเตียงก็หลับ เสียงกรนดังมาก แต่คืนนี้ทั้งหอพักเงียบกริบจนน่ากลัว
หยู่เหวินหวงปิดตาลง ใช้จิตใต้สำนึกสื่อสารกับพี่สี่
“พี่สี่ คืนนี้ที่โรงเรียนของพวกเรามีคนกระโดดตึก ข้าช่วยไว้ได้แล้ว”
“กระโดดตึกทำไม? คะแนนไม่ดีหรือ?”
“ก่อนหน้านี้พ่อของเขาป่วย ที่บ้านไม่มีคนบอกเขา ตอนนี้จากไปแล้ว เพิ่งจะบอกเขา”
“ยากมากที่คนเราจะยอมรับการจากไปของคนในครอบครัวได้”
“พี่สี่ สุดสัปดาห์นี้พี่กลับมาหรือไม่? พวกเราไปเที่ยวตามชานเมืองเป็นเพื่อนพวกเขากันเถอะ”
“ได้!”
ถึงกลางดึก ในหอพักยังไม่มีเสียงกรนดังขึ้น
หลี่จื่อเยว่เปิดไฟฉายโทรศัพท์มือถือ ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ผ่านข้างเตียงของหลี่เจี้ยนฮุย เห็นว่าเขายังน้ำตาไหลอยู่
หลี่จื่อเยว่นั่งยองๆลงข้างเตียง กระซิบถามเบาๆ“อะฮุย นายเป็นอะไรไปเหรอ?”
เมื่อได้ยินหลี่จื่อเยว่พูด ทุกคนก็ลุกขึ้นนั่งและมองมา เห็นหลี่เจี้ยนฮุยยังคงร้องไห้เงียบๆ พวกเขาก็ต่างพากันลงจากเตียงมาแล้ว
หลี่เจี้ยนฮุยเองก็ลุกขึ้นนั่ง เช็ดน้ำตา “คิดถึงพ่อแม่ของฉันน่ะ”
“งั้นทำไมนายไม่โทรศัพท์ไปหาพวกเขาล่ะ? ฉันเห็นว่านายไม่ได้กดหมายเลข” คำถามนี่ของหลี่จื่อเยว่อดกลั้นมาทั้งคืนแล้ว
ดวงตาของหลี่เจี้ยนฮุยบวมมาก กล่าวด้วยความเศร้าว่า“พวกเขาเสียชีวิตแล้ว”
ทุกคนห๊ะคำหนึ่ง ส่วนมากเป็นความตกใจ
มีเพียงเหยี่ยโซ่วที่นิ่งเงียบ เขารู้นานแล้ว และทั้งห้องก็มีเพียงคนเดียวที่รู้
ก่อนที่หลี่เจี้ยนฮุยจะสอบเข้ามัธยมปลาย พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และจากไป
พวกเขาเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นมัธยมต้นกัน
ก่อนหน้านี้คะแนนของหลี่เจี้ยนฮุยไม่ได้แย่ แต่เพราะตอนสอบเข้ามัธยมปลายนี้ได้รับความกระทบกระเทือน การพัฒนาเกิดความผิดปกติ จึงเข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่
พวกเขาเป็นเด็กวัยรุ่น ปลอบใจคนไม่เป็น ทุกคนจึงอยู่เคียงข้างหลี่เจี้ยนฮุยเงียบๆ
มือของหยู่เหวินหวงวางอยู่บนหลังมือของเขา ตบเบาๆเล็กน้อย “อย่าเศร้าไปเลย”
“ได้ยินคำพูดเหล่านั้นที่ตู้เหวินจื้อพูดตอนยืนอยู่บนแท่นหิน พริบตานั้นฉันมีความรู้สึกวู่วาม อยากจะกระโดดลงไปด้วย บางทีกระโดดลงไปแล้วก็อาจจะได้พบกับพวกเขา ฉันคิดว่า……แม้จะได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะพูดกับฉันได้อีกประโยคเดียว หรือว่าเรียกฉันสักคำหนึ่ง แม้ว่าคะแนนของฉันจะแย่ขนาดนี้ พวกเขาดุด่าฉันประโยคหนึ่ง…….แบบนั้นจะดีเท่าไหร่ แบบนั้นจะดีแค่ไหน!”
หลี่จื่อเยว่กล่าวด้วยความทุกข์ใจ“นายอย่าเป็นแบบนี้ บางทีพวกเขาก็อาจจะอยู่เป็นเพื่อนนายในที่ที่ไม่ไกลก็ได้”
น้ำเสียงของหลี่เจี้ยนฮุยสั่นเทา พูดว่า“บนโลกใบนี้ไม่มีผี คนตายแล้ว ก็คือตายแล้ว จะไม่ใช้สภาพอื่นๆอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป”
ทุกคนรู้ว่าใช้คำพูดแบบนี้มาปลอบใจเขาความจริงก็ว่างเปล่าไร้น้ำหนัก
แต่หยู่เหวินหวงกลับกล่าวอย่างฉับพลัน“ไม่ใช่นะ ฉันเชื่อมั่นว่าคนที่จากไปแล้ว จะใช้สภาพร่างของวิญญาณหรือพลังงานอยู่บนโลกใบนี้ อยู่เคียงข้างคนในครอบครัวของพวกเขา”
ความหมายในคำพูดของหยู่เหวินหวงและหลี่จื่อเยว่เหมือนกัน แต่ว่าคนเรียนเก่งก็จะมีพลังความน่าเชื่อถือและศรัทธามากว่าเด็กเรียนไม่เอาไหน
หลี่เจี้ยนฮุยมองดูเขา “จริงเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน นี่เป็นสิ่งผู้อาวุโสท่านหนึ่งของฉันบอกไว้ เธอเป็นหัวหน้าสถาบันของศูนย์วิจัยพลังงานลับ เธอเคยบอกฉันว่า หลังจากที่ผู้คนจากไปแล้ว จะกลายเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง มีพลังงานจิตสำนึก ความทรงจำทางโลกของพวกเขาจะถูกเก็บไว้ในกลุ่มพลังงานนี้ โดยเฉพาะคนที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นศรัทธาอย่างแรงกล้า เหมือนเช่นพ่อแม่ของนาย พวกเขามีความปรารถนาและความหวังต่อนายยังไงบ้าง ทันทีที่สำเร็จ พลังงานนี้ก็จะยิ่งแข็งกล้าขึ้น แข็งกล้าจนสามารถทำให้คนในครอบครัวสัมผัสถึงความคงอยู่ของพวกเขาและการปรากฏตัวของพวกเขาได้”
หลี่เจี้ยนฮุยทั้งคนตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว “เป็นความจริงเหรอ?”
คำพูดนี้ไม่ได้เป็นคำปลอบใจโดยผิวเผินประเภทนั้น ฟังขึ้นมาแล้วก็มีความน่าเชื่อมั่นและศรัทธาเป็นอย่างมาก
“นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสคนนั้นของฉันบอก”
“งั้น…….งั้นนายสามารถพาฉันไปพบผู้อาวุโสท่านนั้นของนายได้ไหม?” หลี่เจี้ยนฮุยดึงมือของเขา
“เธอไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศแล้ว แต่ว่าพรุ่งนี้ฉันสามารถโทรศัพท์ไปหาเธอได้ ให้เธอคุยกับนายสักสองสามคำ” หยู่เหวินหวงกล่าว
“ดี ดี ขอบใจนาย ขอบใจนายนะ!” หลี่เจี้ยนฮุยกล่าวด้วยความซาบซึ้ง