บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1682 เรียนเสริม
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทางโรงเรียนได้จัดให้มีที่ปรึกษาจิตวิทยา ผลัดกันคุยตามลำพังกับเพื่อนร่วมชั้นที่ได้เห็นเหตุการณ์บนหลังคาในคืนนั้นอย่างใกล้ชิด
ส่วนตู้เหวินจื้อกลับไปอยู่บ้านชั่วคราว ช่วยจัดการงานศพของพ่อ และก็ให้เขาได้อยู่เป็นเพื่อนแม่ ส่วนเรื่องเรียน หัวหน้าระดับชั้นฟางก็พูดแล้ว รอเขากลับมาแล้วค่อยสอนพิเศษให้เขาตามลำพัง
หลี่เจี้ยนฮุยตามตื๊อหยู่เหวินหวงตลอด ให้เขาโทรหาผู้อาวุโสคนนั้น เพื่อถามเรื่องวิญญาณ
หยู่เหวินหวงจึงจำต้องโทรหาฟางหวู เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังก่อน จากนั้นรอกลางคืนเมื่อกลับถึงหอพัก เขาก็โทรหาฟางหวูอีกครั้ง แล้วให้หลี่เจี้ยนฮุยคุย
ฟางหวูเคยเป็นเจ้าอาวาส ชำนาญเรื่องพวกนี้ และก็พูดปลอบคนเก่ง หลี่เจี้ยนฮุยคุยกับนางหลายสิบนาที สายหลุดไปสามครั้ง โทรกลับไปสามครั้ง จนสุดท้ายเขายังไม่อยากวางสาย
หลังจากกลับมาถึงหอพักแล้ว เขาพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เริ่มพรุ่งนี้เป็นต้นไป รายการเล่นต่างๆไม่ต้องเรียกข้า ข้าจะตั้งใจทบทวนเรียน เพื่อให้ได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น”
ทุกคนต่างตกตะลึง
นักเรียนที่มีผลการเรียนแย่ที่สุดบอกว่า เขาจะตั้งใจเรียน?
มัธยม4-5 เล่นมาสองปีแล้ว ฟังเข้าใจเพียงไม่กี่วิชา ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปี เขาจะเรียนอะไรทัน?
“เรียนพิเศษ…” หลี่เจี้ยนฮุยพูดออกมาสองคำ จู่ๆก็หยุด ค่าเรียนพิเศษมัธยมหกแพงมาก สถานการณ์ในครอบครัวของเขาไม่ค่อยดีนัก
หลังจากที่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต มีเงินประกันชดเชยอยู่ก้อนบ้าง แต่เงินก้อนนี้ก็เอามาใช้หนี้กู้ซื้อบ้านหมดแล้ว วันนี้ที่บ้านจึงอาศัยปู่กับย่าคอยเลี้ยงดู
ปู่เป็นยามอยู่ในหมู่บ้าน ย่าเป็นแม่บ้านอยู่ในหมู่บ้าน งานนี้ยังได้มาจากความร่วมมือของชุมชน เดือนหนึ่งก็ได้แค่ไม่กี่พัน ค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดก็อยู่ในนี้แล้ว และเขายังมีน้องสาวอีกหนึ่งคน ปีนี้ก็เพิ่งจะขึ้นว่ามัธยมปีที่หนึ่ง
ช่วงสองปีแรกเขาใช้เงินในครอบครัวมาตลอด ซื้อของแบรนด์เนม ซื้อมือถือ ปู่ไม่ให้เขาก็โวยวาย มีหลายครั้งที่ทำให้ปู่เสียใจมาก
หลี่เจี้ยนฮุยคิดถึงเรื่องพวกนี้ ดวงตาก็แดงขึ้นมา แล้วก็นั่งลงอยู่อย่างเงียบๆ
หยู่เหวินหวงเดินไปตบบ่าของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “หากนายอยากเรียน ฉันช่วยติวให้นายเอง ต่อไปทุกวันอาทิตย์ข้าจะไปบ้านนาย ไปติวให้กับนาย”
หลี่เจี้ยนฮุยพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “แต่สัปดาห์หนึ่งก็มีวันพักผ่อนแค่วันเดียว นายติวให้กับฉัน นายก็ไม่มีเวลาเล่นแล้วสิ?”
“ยังไงฉันก็ไม่ชอบเล่นเกม ไม่เป็นไร ติวให้กับนายฉันเองก็ได้ทบทวนไปด้วย”
หลี่จื่อเยว่มองดูหยู่เหวินหวง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้น วันอาทิตย์ฉันก็ไปบ้านเขา นายติวให้ฉันด้วยสิ”
หลี่เจี้ยนฮุยพูดขึ้นว่า “นายจะมาวุ่นวายอะไร? นายบอกว่าหลังจากเรียนจบมัธยมปลายก็จะไปทำงานที่โรงงานของพ่อนายไม่ใช่หรือ? แม้แต่มหาวิทยาลัยนายก็ไม่อยากเรียนแล้ว”
หลี่จื่อเยว่กอดเสาเหล็กของเตียงระหว่างบนล่าง พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “แม้แต่นายก็จะติวเรียนแล้ว…..”
อืม คนที่คะแนนแย่ที่สุดคนนั้นจะเริ่มขยันแล้ว พวกเขาไม่พัฒนาไปข้างหน้า ในใจรู้สึกหวาดหวั่น
“ฉันก็ติว”
“ฉันก็จะติว”
“ฉันก็เหมือนกัน”
ที่เหลืออีกสามคนต่างก็ลุกขึ้นมายืนพูด
หยู่เหวินหวงค่อนข้างแปลกใจ แต่รู้สึกว่านี่ถือเป็นเรื่องที่ดี
วันอาทิตย์หยู่เหวินหวงตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า บอกว่าจะกินข้าวเช้ากับผู้สูงอายุสองคนที่บ้าน จากนั้นขึ้นรถไฟใต้ดินไปที่บ้านหลี่เจี้ยนฮุย
เพื่อนคนอื่นต่างมากันเช้ามาก ปู่ย่าหลี่เจี้ยนฮุยเข้าครัวทำกับข้าวด้วยตนเอง เตรียมอาหารเช้าให้
เริ่มแรกปู่หลี่เจี้ยนฮุยไม่ค่อยอยากเชื่อที่หลานบอกว่าจะติวเรียน รอเมื่อทุกคนต่างเตรียมหนังสือมา และก็เอามือถือมาให้ด้วยตนเอง ถึงค่อยเชื่อ
คนแก่ทั้งสองคนได้ยินว่าหยู่เหวินหวง สอบได้คะแนนเต็มทุกวิชา ก็พูดชมอย่างไม่หยุด
และคะแนนของเขาดีขนาดนี้ ยังมีมารยาทอย่างมาก หลานของคนอื่นช่างดีจริงๆ
หลังจากพูดคุยกันสักพักแล้ว หยู่เหวินหวงให้ทุกคนทำข้อสอบก่อน ดูว่าพวกเขามีพื้นฐานขนาดไหน
ในขณะที่ทำข้อสอบอยู่สองชั่วโมง ตัวเขาเองก็ทำแบบฝึกหัด
หลังจากสองชั่วโมงแล้ว ข้อสอบถูกส่งมาให้ หยู่เหวินหวงให้พวกเขาไปดื่มน้ำพักผ่อนก่อน แล้วเขาตรวจข้อสอบ
วันนี้เขาออกข้อสอบค่อนข้างง่าย ทั้งห้าคน นอกจากหลี่เจี้ยนฮุยที่มีพื้นฐานดีหน่อย ที่เหลือแย่อย่างที่สุด
เขากำหนดแผนขึ้นมาหนึ่งฉบับ เดือนแรกทบทวนพื้นฐาน เดือนที่สองจากง่ายไปหายาก เดือนที่สามเป็นการทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เดือนที่สี่เริ่มพัฒนาอย่างถึงที่สุด