บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1696 พ่อแม่ภาคภูมิใจ
หลังจากการประชุมผู้ปกครองในหอประชุมเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไปยังห้องเรียนให้ครูประจำชั้นพูดต่อ
ครูจางได้แจ้งเรื่องคะแนนของพวกนักเรียนก่อน ชื่นชมนักเรียนที่พัฒนาขึ้น แล้วก็ชื่นชมทั้งห้อง บอกว่าบรรยากาศในการเรียนดีขึ้นอย่างมาก มีความเป็นมัธยมปีที่หกแล้ว
ครูจางก็พูดอยู่อย่างภาคภูมิใจ ในขณะที่พูดกับผู้ปกครองอย่างตื่นเต้น ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
อยู่ที่โรงเรียนนี้มาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ นอกจากตอนที่เพิ่งมาเมื่อสามปีแรก จากนั้นก็ไม่เคยมีความหวังขนาดนี้
พูดพวกนี้เสร็จแล้ว เขาก็ยังพูดถึงการเอาใจใส่สภาพจิตใจของนักเรียนอีกด้วย
และก็พูดเน้นย้ำว่า คะแนนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะสอบได้ดีขนาดไหน ก็สู้คนที่มีสภาพจิตใจและร่างกายที่แข็งแรงไม่ได้ อนาคตของเด็กมีความเป็นไปได้มากมาย การศึกษาไม่ใช่ทางออกทางเดียวอย่างแน่นอน
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ก่อนหน้านี้ ที่จริงผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็รู้เรื่องแล้ว เขาไม่พูดถึง เพียงแค่พูดเน้นย้ำว่า จะต้องให้ความสำคัญสุขภาพจิตของนักเรียน
สุดท้าย เขาพูดชื่นชมนักเรียนคนหนึ่ง ทุกคนต่างเดารู้แล้วว่าคือหยู่เหวินหวง
เขาบอกกับทุกคนว่า หยู่เหวินหวงยินดีติวให้กับนักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับสุดท้าย ทำให้คะแนนของพวกเขาพัฒนาขึ้นอย่างดีมาก
ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต่างรู้เรื่องนี้ เพราะลูกของตนเองก็ไปติวด้วย ท่าทีการเรียนก็เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเหตุนี้ เมื่อครูจางพูดขึ้นมา ทำให้พวกผู้ปกครองต่างปรบมือขึ้นอย่างสนั่น
หยู่เหวินเห้ากลับรู้สึกน้ำตาคลอ
มีคนชอบเซเว่นอัพตั้งมากมายขนาดนี้
ก่อนหน้านี้ถึงแม้เขาจะไม่เคยคิดว่าพวกเด็กๆ จะต้องได้รับการปกป้องจากเขามาก่อน แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเด็กๆ จะไปอยู่ที่ใดที่หนึ่งได้ เผชิญหน้าด้วยตนเองในเรื่องบางอย่าง
ยังคงคิดเสมอว่าพวกเขายังเป็นเด็ก
ความรู้สึกแบบนี้ ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดจริงๆ
ครูจางโบกมือเรียกนักเรียนที่ยืนอยู่หน้าประตู พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปตามหยู่เหวินหวงมา”
หลี่เจี้ยนฮุยหันกลับไป ตามหยู่เหวินหวงมา ผลักเข้าไปพร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “คนนี้ ก็คือหยู่เหวินหวงคนหล่อและเรียนดีที่สุดของเรา”
เมื่อกี้ผู้ปกครองมากมายต่างก็เคยเห็นเขาแล้ว เพราะว่าคนเยอะพวกเขาจึงรีบเข้าไปในหอประชุม จึงเห็นเพียงแวบเดียว ตอนนี้ยืนอยู่บนเวที ท่าทีใจกว้าง น่าเอ็นดูอย่างที่สุด
ครูจางพูดขึ้นว่า “นี่มีเกียรติบัตรฉบับหนึ่ง ทางโรงเรียนขอมอบให้กับหยู่เหวินหวง พวกเราขอเชิญแขกผู้มีเกียรติมามอบรางวัล ขอเรียนเชิญผู้ปกครองของหยู่เหวินหวงขึ้นมามอบ”
หยู่เหวินเห้ารีบลุกขึ้นมา ก้าวเดินตรงขึ้นไปบนเวที ท่าทางที่น่าภาคภูมิใจนั้น ราวกับสู้รบได้ชัยชนะกลับมา
เกียรติบัตรคือแสดงถึงความกล้าหาญ ส่วนกล้าหาญในเรื่องอะไร ไม่ได้พูดถึง แต่ในใจทุกคนต่างรู้ดี เพราะว่าพวกเด็กๆต่างกลับไปพูดแล้ว
หยู่เหวินเห้าก็รู้เรื่องนี้ เขาซาบซึ้งมาก เซเว่นอัพทำได้ดีมาก ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ได้
เขารับเกียรติบัตรมา มองดูลูกชาย พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาหวั่นไหวว่า “ลูก ทำได้ดีมาก พ่อภูมิใจในตัวลูก หวังว่าต่อไปลูกจะเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสังคมต่อประเทศชาติ”
คำพูดนี้ เด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย แต่ก็เป็นความในใจหยู่เหวินเห้า
คนคนหนึ่ง จะต้องมีความรับผิดชอบ รู้หน้าที่
ไม่อย่างนั้น จะเป็นการสูญเสียการศึกษาที่เขาได้รับ
หยู่เหวินหวงรับเกียรติบัตรในมือพ่อมา ภาพนี้ มีความหมายสำหรับเขาอย่างมาก
ครูจางถ่ายรูปอยู่ด้านล่าง บันทึกภาพงดงามนี้ไว้
รูปภาพถูกส่งไปในกลุ่มผู้ปกครอง
หยู่เหวินเห้าในฐานะที่เพิ่งเข้ากลุ่มผู้ปกครองวันแรก หลังจากมอบเกียรติบัตรแล้วกลับไปนั่งที่ เอามือถือออกมาแล้วเห็นรูปภาพนี้ ในใจของเขารู้สึกดีใจและภาคภูมิใจอย่างมาก บันทึกรูปภาพนี้ไว้อย่างเงียบๆ
วันนี้หยวนชิงหลิงอยู่ที่ทางด้านโรงเรียนมัธยมปลายหัวเฉิง ก็เฉิดฉายอย่างมาก
นอกจากนางจะหน้าตางดงามอ่อนวัย ไม่เหมือนกับคนที่มีลูกชายโตขนาดนี้ ยังเพราะนางมีความรู้อย่างมาก ตอนที่นางเข้าไปในห้องเรียน เห็นคำถามเกี่ยวกับฟิสิกส์บนกระดาน ถือโอกาสตอบคำถาม
ตอนที่วางชอร์กลง เสียงปรบมือก็ดังสนั่นขึ้น
ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็จบจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง แต่คำถามที่เลยจากมัธยมต้นต่างก็ทำไม่เป็นแล้ว? และคำถามข้อนี้ ถือว่ายากอย่างมาก ดูก็ดูไม่รู้เรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอบคำถาม
โค้กมองอยู่ตรงด้านนอกระเบียง ยิ้มหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ โชคดีที่แม่มา หากพ่อมาหัวข้อนี้จะต้องทำไม่ได้อย่างแน่นอน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องพูดอย่างไร