บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1706 ช่วยอะไรมากันแน่
วันที่สิบที่เลี้ยงเจ้าตาทับทิม เจ้าตาทับทิมหายเป็นปกติแล้ว
หลังจากบาดแผลหายดี ซาลาเปาก็อาบน้ำให้มัน
เลือดที่ติดอยู่บนตัวแห้งนานแล้ว ครั้นแช่อยู่ในน้ำก็หายไปอย่างรวดเร็ว
กระทั่งขึ้นฝั่ง สะบัดหยดน้ำที่อยู่บนตัว วิ่งตะกุยล้มลุกคลุกคลานใต้ดวงตะวันแล้ว ก็กลับมาออดอ้อนแทบเท้าซาลาเปา
ขนทั้งตัวขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากชมพู ปลายจมูกเล็กสีดำประหนึ่งหยดหินอัคนีที่เกาะตัว นัยน์ตาแดงเด่นชัดขึ้น เหมือนทับทิมสองเม็ดที่เปล่งประกาย
หางของมันก็สวยมากเช่นกัน กระดกขึ้นเล็กน้อยราวกับพัดอันใหญ่ ขนที่หางพองฟู ยังถึงกับใหญ่กว่าตัวมันหน่อยด้วย
เป็นหมาป่าหิมะน้อยล้ำค่าจริงๆ
ซาลาเปาพิสมัยเสียไม่มี ทหารในกองทัพพากันพูดกับหมาป่าซาลาเปาว่าจะได้เป็นหมาหัวเน่าแล้ว
หมาป่าซาลาเปาไม่โกรธ นอนเล่นสบายใจกับหมาป่าหิมะน้อยอยู่ข้างกายนาย
หากตามอายุขัยตามปกติของหมาป่า หมาป่าซาลาเปาก็ถือว่าแก่แล้ว เพียงแต่หมาป่าหิมะชุดนี้แปลกออกไป อายุขัยของมันยาวมาก อยู่กับนายได้อีกนาน
มันรู้ดี อายุยืนยาวของนายย่อมต้องปรากฏผู้คนมากมาย คนพวกนี้อาจหยุดอยู่ชั่วคราว หรืออาจเป็นเพื่อนยาวนาน แต่ต้องไม่เหมือนมันอย่างนั้นแน่ มันอยู่เป็นเพื่อนนายตั้งแต่แรกเกิด มิใช่ว่าใครก็ได้รับเกียรติพิเศษนี้
แม้นจะเป็นพระชายารัชทายาท ฮองเฮาของนายในอนาคต แต่นั่นก็เป็นแค่คนมาทีหลัง ไม่เหมือนกับมัน
แต่เจ้าหมาป่าหิมะน้อยตัวก็ติดมันมาก ยามที่นายยุ่ง โดยรวมแล้วมันก็จะเป็นผู้ดูแลเจ้าตัวน้อย
ครั้นวันหยุด องค์รัชทายาทของเราก็พาหมาป่าสองตัวนี้กลับวัง
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงต่างรู้สึกทึ่ง หมาป่าหิมะที่งดงามเช่นนี้ หาพบได้ยากนัก
แต่พอหยู่เหวินเห้าอุ้มมันขึ้นมาดู “นี่มิใช่หมาป่าหิมะกระมัง? ทำไมดูแล้วเหมือนจิ้งจอกหิมะเลยล่ะ?”
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นจิ้งจอกหิมะ นางเข้าไปชะโงกดู “แต่ตาเป็นสีแดง ตาของจิ้งจอกมีสีฟ้า สีน้ำตาล แต่ไม่มีสีแดงกระมัง? แล้วสีแดงนี้…ก็งามจนเหนือการบรรยายจริงๆ”
“เจ้าหยวน เจ้าพูดกับสัตว์ได้มิใช่หรือ? เจ้าก็ลองถามมันดูสิว่ามันเป็นอะไร?” หยู่เหวินเห้ากระเซ้า
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “แต่ข้าว่ามันยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าข้าพูดอะไรนะสิ”
เป็นจริงดังนั้น เจ้าตาทับทิมนอนอยู่ในอ้อมแขนหยู่เหวินเห้านิ่งๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าทุกคนกำลังถกเถียงว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร
“ต้าเปา นี่เจ้าเจอหรือ?” หยวนชิงหลิงถามมัน
หมาป่าหิมะหงิงๆ หยวนชิงหลิงหัวเราะ “เจ้าช่วยหนึ่งชีวิต แต่นี่ใช่หมาป่าหิมะหรือ?”
หมาป่าซาลาเปาส่ายหน้าอย่างกับป๋องแป๋ง
“มิใช่หรือ? เช่นนั้นนี่คืออะไร?” หยวนชิงหลิงมองเจ้าตาทับทิม ยังเล็กเกินไป ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร
จะว่าเป็นหมาป่าหรือก็มีอยู่นิดหนึ่งที่ไม่เหมือน
จะว่าเป็นจิ้งจอกหิมะหรือ อย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับจิ้งจอกในความคิดนาง
อีกอย่างมันก็งดงามจนชวนให้ลืมหายใจ ไม่เคยพบพานสัตว์ตัวน้องที่พริ้มเพราเช่นนี้มาก่อน
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ในเมื่อพวกซาลาเปาช่วยมาแล้ว ก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน
“เปาเปา เจ้าจะเลี้ยงหรือจะปล่อยไป?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม
“เลี้ยงอยู่ในกองทัพก็สะดวกพ่ะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันจะลองปล่อยมันดูก็ได้ ให้มันกลับเข้าป่า แต่ไม่รู้ว่ามันจะเอาตัวรอดได้หรือไม่เท่านั้น”
เพราะดูแล้วเหมือนบาดเจ็บตั้งแต่เพิ่งเกิด เก็บกลับมายังต้องเลี้ยงนม
“เอาเถอะ เจ้าจัดการแล้วกัน หากจะปล่อยก็ต้องตามสังเกตสักสองสามวัน มั่นใจว่ามันหาอาหารเองได้แล้วค่อยกลับมา” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
หยวนชิงหลิงอุ้มเจ้าตาทับทิมมาจากมือหยู่เหวินเห้า ลูบขนของมัน สัมผัสอ่อนนุ่มนั้นสบายมากจริงๆ
“หืม? ไยตรงนี้ถึงมีขนสีแดงสองสามเส้นได้ล่ะ?” หยวนชิงหลิงพบที่หลังหูของมันมีขนสีแดงประมาณหนึ่งหลบซ่อนอยู่ เงยหน้าขึ้นเอ่ย
ซาลาเปาเอ่ย “พ่ะย่ะค่ะ ตรงนี้เป็นสีแดง เพิ่งเห็นเมื่อหลายวันก่อน ก่อนหน้านี้ยังขาวล้วนอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าจึงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “นี่คงมิใช่จะเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกอัคคีกระมัง? แต่ปกติแล้วขนจิ้งจอกอัคคีถ้าไม่ออกทองก็เป็นสีน้ำตาล ไม่จัดว่าแดง แล้วตอนที่จิ้งจอกอัคคีเกิดใหม่ก็ไม่ใช่สีขาวล้วนด้วย”