บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1709 จิ้งจอกมณีราคราชาวงศ์
อู๋ซ่างหวงไม่พูดมาก หนักแน่นเด็ดขาดคำเดียว “ได้!”
รอยยิ้มหยวนชิงหลิงที่แข็งชะงักคลี่ออกทันที แต่นางยังไม่ทันได้เอ่ย อู๋ซ่างหวงก็เสริมอีกประโยค “หากปีนี้ไม่ได้ ก็ตัดขาดการติดต่อ ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องมาจวนอ๋องซู่อีก!”
หยวนชิงหลิงแทบลืมหายใจ ฝืนหัวเราะฮ่าๆ “หม่อมพูดเล่นเพคะ หยอกพวกท่านเล่นเท่านั้น”
ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องไปยุคปัจจุบัน
เช่นนั้นก็ได้แต่ให้ซาลาเปาล้มเลิกการพร้อมหน้าของสัตว์แล้ว
ซาลาเปาทางนี้พูดง่าย เป็นเพราะหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าสงสารลูกที่ต้องล้มเลิกแผนการฉลองปีใหม่ครั้งแรกไป
หยู่เหวินเห้าเครียดจัด หากมิสามารถทำให้ดีได้ทั้งสองทาง เช่นนั้นก็ต้องให้เด็กยอมให้ผู้ใหญ่อยู่แล้ว
เรื่องนี้เมื่อพูดกับซาลาเปา เขาก็มิได้ผิดหวังให้เห็นชัด เอ่ย “ได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
แต่ขณะที่เขาหันตัวไป ในดวงตาก็ยังมีความเศร้าหมองเล็กน้อย มีเพียงคนที่มีสัตว์เลี้ยงเท่านั้นที่จะรู้สึก เพราะพวกเขายกขบวนไป นั่นหมายถึงวันเทศกาลสำคัญต้องทิ้งพวกมันไว้ที่นี่แล้ว
แต่มนุษย์ก็ราวกับมีความคิดร่วมกัน จะไม่ยอมอ่อนข้อให้สัตว์เลี้ยงมากเกินไป
ในความคิดของพวกเขา ความรู้สึกของคนสำคัญกว่าความรู้สึกของสัตว์เสมอ
ทีแรกซาลาเปาคุยกับหมาป่าต้าเปาไว้แล้ว น้องๆ ที่เหลือต่างก็บอกกับสัตว์เลี้ยงของตนแล้วเช่นกัน ว่าการฉลองปีใหม่ปีนี้ต้องได้สนุกสนานด้วยกันแน่
แต่เวลานี้ต่างต้องขอโทษกับพวกมัน แล้วยังต้องทิ้งพวกมันไปอีก
นกฟีนิกซ์ยังดีหน่อย มันหดตัวกลายร่างเป็นนกน้อยตามกวากวาไปได้
แต่หมาป่าหิมะกับเสือไม่ได้
เมื่อนายน้อยต่างฝ่ายต่างบอกสัตว์ของตัวเองแล้ว บรรดาสัตว์ก็พร้อมใจกันเศร้าสร้อย
โดยเฉพาะพวกเสือของเซเว่นอัพกับโค้ก ช่วงนี้นายต้องเรียนหนังสือที่ยุคปัจจุบันตลอด เวลาที่ได้พบกับพวกมันมีแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้ยังบอกว่าปีใหม่ไม่กลับมาแล้ว จะอยู่ที่นั่นฉลองปีใหม่ พวกมันคับอกคับใจนัก
ตั้งแต่รู้ข่าว พวกมันก็ไม่อยากอาหาร เอาแต่นอนอยู่หน้าตำหนักนายทั้งวัน รอคอยเวลาให้ผ่านพ้นไปอย่างเบื่อหน่าย
หมาป่าข้าวเหนียว หมาป่าทังหยวนกับหมาป่าต้าเปาเป็นพี่น้องครอกเดียวกัน หลายปีนี้ก็แยกกันอยู่คนละที่ เฝ้ารอจะได้เล่นสนุกพร้อมหน้าในวันปีใหม่ แต่ตอนนี้ไม่เพียงต้องอยู่ที่หัวเมืองชายแดนต่อกลับมาไม่ได้ แถมนายก็ยังจะไปอีก ดังนั้นจึงเสียใจอย่างหนัก
ครั้นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงรู้สภาพการณ์ก็อดถอนใจเป็นไม่ได้ คนกลางคนลำบากจริงแท้ ต้องเลือกมากมาย อีกทั้งการเลือกเหล่านี้ก็ยังต้องสละบางสิ่งอีก
ก็ขณะที่พวกเขากำลังลำบากใจ อู๋ซ่างหวงก็ยอมถอยให้
อู๋ซ่างหวงรู้เรื่องมาจากย่าหยวน เขาเองก็เป็นคนเลี้ยงสัตว์ เข้าใจความคิดความรู้สึกของซาลาเปาดี
อีกอย่าง มิจำเป็นต้องไปทางนั้นตอนปีใหม่ หลังจากนั้นก็ไปได้ พวกเขาตามพวกเซเว่นอัพไปหลังปีใหม่ก็ได้
ผู้เฒ่าไม่อาจเพิ่มความวุ่นวายกับคนหนุ่ม
เจ้าห้าดีใจสุดขีด ให้หยวนชิงหลิงไปรับพ่อตาแม่ยายกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่วันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง เด็กๆ ตามหัวเมืองชายแดนก็ทยอยกลับมา
จนถึงวันที่ยี่สิบเก้า คนทางยุคปัจจุบันก็กลับมาด้วย ย่อมไม่ต้องพูดถึงความครึกครื้นในวัง
แค่พวกสัตว์ก็ทำจนวังหลวงฟ้าถล่มดินทลาย
อีกอย่างเวลานี้ยังมีเจ้าตาทับทิมเพิ่มมาอีกตัว
อ๋องชินเฟิงอันและชายาก็กลับมาฉลองปีใหม่เหมือนกัน ครั้นเห็นเจ้าตาทับทิมแล้ว พระชายาก็อุ้มขึ้น “หือ? เจ้าตัวน้อยนี่มาจากที่ใดหรือ?”
“หมาป่าต้าเปาเก็บมาเพคะ เก็บได้จากเขาใกล้ๆ กับค่ายทหาร ตอนที่เอามาเป็นสีขาวล้วน แต่ตอนนี้ขนเปลี่ยนสีแล้ว ประหลาดจริง พระชายา ทรงคิดว่าใช่หมาป่าหิมะหรือไม่เพคะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
พระชายาส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่หมาป่าหิมะ”
“เป็นจิ้งจอกอัคคีหรือ?” หยู่เหวินเห้าถาม
พระชายาดูอย่างละเอียด “พูดยาก ขนทั้งตัวแปลกจริงๆ ท่อนหนึ่งขาว ท่อนหนึ่งแดง อย่างกับย้อมสีแน่ะ ลูกตาก็งามจริง พี่เหว่ย ท่านว่านี่เป็นตัวอะไร?”
พระชายาเงยหน้าถามอ๋องชินเฟิงอันสวามีของตน
อ๋องชินเฟิงอันดูออกนานแล้ว ครั้นได้ยินชายาถามจึงเอ่ย “จิ้งจอกมณีราคราชาวงศ์”
“ราชาวงศ์? ดูอย่างไรเพคะ?” หยวนชิงหลิงรีบถาม
“นัยน์ตาแดง ขนสีแดงเพลิง เหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษของจิ้งจอกมณีราคราชาวงศ์ แต่มันยังเด็กมาก อีกระยะหนึ่งก็จะแดงทั้งตัว จิ้งจอกมณีราคธรรมดาจะมีสีแดงน้ำตาลกระทั่งไปออกเหลือง มีเพียงราชาวงศ์เท่านั้นที่มีนัยน์ตาและขนเยี่ยงนี้”