บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1710 กลับมาฉลองปีใหม่หมด
ทุกคนต่างเชื่อคำพูดของอ๋องชินเฟิงอัน เพียงแต่ยังฉงนใจหนัก เหตุใดราชาวงศ์ของจิ้งจอกมณีราคจึงมาอยู่ในป่าเขารกร้างนี้ได้ ทั้งยังบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แถมยังเกือบไม่รอด
ซาลาเปาลูกหัวจิ้งจอกมณีราค บางทีอาจเป็นเพราะเขาก็เป็นคนในราชวงศ์เช่นกัน ดังนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสารมากหน่อย
เจ๋อหลานชอบเจ้าตาทับทิมมาก แต่เมื่อนางเข้าใกล้มัน นกฟีนิกซ์ก็จะไม่ยอม หึงหวงหนัก นายของมันมีสัตว์เทพได้ตัวเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมัน
หลังจากศึกษาเจ้าตาทับทิมแล้ว หยู่เหวินเห้าก็สนทนากับลูกสาว
ถามสถานการณ์บางเรื่องที่เมืองโร่ตู แล้วยังถามว่าหลังจากหูหมิงกับแม่นางโจวแต่งงานกันแล้วรักใคร่กันดีหรือไม่
เจ๋อหลานหัวเราะพลางเอ่ย “จะไม่รักใคร่กันได้อย่างไรเพคะ? เวลานี้พวกเขาไม่ห่างกันแม้แต่เงา”
“เช่นนั้นก็ดี” อย่างไรก็เป็นคนเก่าคนแก่ของจวนอ๋องฉู่ หวังแต่จะให้พวกเขามีความสุข
หยวนชิงหลิงเดินเข้ามา เอ่ยถาม “หมิงหยู่มิได้ตามเจ้ากลับมาหรือ?”
“กลับมาแล้วเพคะ แต่เขากลับจวนไปก่อน เอาไว้วันสิ้นปีแล้วค่อยเข้าวังมาพร้อมกับพ่อทั้งสองของเขาเพคะ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “เวลานี้วรยุทธ์เขาเป็นเช่นไรแล้ว?”
“ยอดเยี่ยมเพคะ!” เจ๋อหลานยิ้มเอ่ย
เหลิ่งหมิงหยู่มีความสามารถในการทำงานสูง เวลานี้อายุน้อยไปหน่อย เอาไว้เติบโตแล้วต้องเป็นผู้ที่ยืนด้วยลำแข้งได้แน่
ครั้นถึงวันสิ้นปี ราชวงศ์ก็เรียกว่าคึกคักครื้นเครงจริงๆ
ทุกคนเข้าวังหลวงนานแล้ว เด็กๆ เยอะมาก และแม้แต่เด็กๆ ในจวนจิ้งเหอก็ยังเข้าวังมาด้วย ถึงกว่าครึ่งจะเป็นเด็กโต แต่ก็มีใจรักสนุก เข้ากันได้ดี
วันนี้เหลิ่งหมิงหยู่ก็ตามหงเย่กับโสวฝู่เข้าวังมาด้วย เขาไปคารวะฮ่องเต้กับฮองเฮาก่อน จากนั้นถึงไปยืนข้างตัวเจ๋อหลาน
เด็กอายุสิบกว่าขวบ แต่กลับสูงกว่าเจ๋อหลานผู้เป็นพี่สาวมาก สองมือเอาแต่กอดกระบี่ ชอบทำหน้าขมึงตึง นัยน์ตาที่ราวกับแอ่งน้ำลึกเจือความเยือกเย็น
เขาพูดน้อยและไม่ชอบยิ้ม เข้ากับเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนโดดเดี่ยวอยู่อีกทาง
เด็กๆ เล่นสนุก ผู้ใหญ่ก็สนทนา
ปีนี้ไท่ซ่างหวงก็พาฮู่ไท่เฟยกับเจ้าสิบกลับมาอยู่ร่วมข้ามปีด้วย
เจ้าเก้าเพิ่งจะถึงเมืองหลวงตอนบ่าย เมื่อรับชายาแล้วก็ตรงดิ่งเข้าวังทันที
เขาเพิ่งถึงไม่นาน อ๋องเว่ยกับอ๋องอานก็กลับมาด้วย ทั้งสองมีธุลีไอฝุ่นจับ เห็นชัดว่าเพิ่งถึงเมืองหลวงไม่ทันเปลี่ยนชุด
เดิมหยู่เหวินเห้านึกว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่กลับมาเสียแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่ามาปรากฏตัวในวันสิ้นปีนี้ เขาดีใจอยู่บางส่วน
เมื่อเจ้าเก้ากลับมาแล้วก็ไปหาพี่แปดก่อน
หลายปีมานี้เจ้าแปดพำนักอยู่ในวังหลวงตลอด เก็บเนื้อเก็บตัว เขาไม่ชอบความคึกคัก ไม่ชอบใกล้ชิดกับคนอื่น พึ่งพิงแต่เจ้าห้ากับเจ้าหยวน ปกติหยวนชิงหลิงจะพาเขาออกไปเดินข้างนอก และเขาก็ยินยอม
ดังนั้นหลายปีมานี้จึงดีกว่าสมัยก่อนมากแล้ว
แน่นอน ครั้นเขาเห็นน้องเก้ากลับมาก็ดีใจมากเป็นพิเศษ รีบเอาภาพที่ตนวาดออกมาให้เขาดู
เมื่อเจ้าเก้าดูภาพแล้ว ก็เกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงตะล่อมให้เขาออกตำหนักแล้วมานั่งกับทุกคนได้
ไท่ซ่างหวงมักรู้สึกผิดกับลูกชายคนนี้อย่างไร้สาเหตุ แต่เด็กคนนี้ก็ไม่ค่อยเข้าหาเขา กระทั่งยังกลัวเขาอยู่บ้าง ระหว่างพ่อลูกจึงมักพูดคุยได้ไม่กี่คำ
บัดนี้เห็นเขานั่งกับทุกคนแล้วก็รู้สึกปลื้มใจ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนิดหน่อย เจ้าแปดก็ตอบได้ลื่นไหล แม้ยังมีความขลาดอยู่บ้าง แต่ก็พัฒนากว่าเมื่อก่อนมากแล้ว
เขาอดไม่ได้ที่จะมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง รู้ว่านี่เป็นเพราะนาง หากมิใช่เพราะนางดูแลอย่างดี ก็เกรงว่าเจ้าแปดคงไม่มีสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
ท่านชายสี่กับเจ้าหญิงก็เข้าวังมาแต่เช้าแล้ว ท่านชายสี่เป็นเฒ่าทารก ไม่ชอบสนทนากับคนเหล่านี้ แต่กลับชอบเล่นกับเด็กๆ มากกว่า
ภาพบรรยากาศคึกคักในวังหลวงมิได้พบพานมานานมากแล้ว
หยู่เหวินเห้าแลกสายตากับหยวนชิงหลิง ต่างสะท้อนใจอยู่บ้าง แต่ที่มีมากกว่านั้น…คือความสุข