บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1713 พี่แปดมีชายาดีไหม
ท่ามกลางความมึนเมา ราวกับลืมไปแล้วว่าพวกนางมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร แล้วทีแรกมาอยู่ร่วมกันได้อย่างไร เวลานั้นเป็นแค่หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้มักรู้สึกว่าตนต่างออกไปแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่เมา แต่นางมองพวกนางแสดงความ ‘อัปลักษณ์’ สารพัดรูปแบบ พูดบางคำพูดที่ปกติพวกนางไม่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
เจ๋อหลานเล่นจนเหนื่อยแล้ว เข้ามาพิงนาง หยวนชิงหลิงจึงให้นางนอนหนุนตักเสียเลย
เมื่อนั้นเสียงพูดของทุกคนก็เบาลงมาก พากันมองดูเสี่ยวกวาอย่างรักใคร่เอ็นดู
เด็กคนนี้มักให้รู้สึกสงสาร ถูกส่งไปตั้งแต่ยังเล็กมาก ใช้ชีวิตแบบไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกายนาน แต่ยากนักที่สายใยของพวกเขายังเหนียวแน่นเช่นนี้
เจ๋อหลานยังไม่หลับ เพราะนางยังเป็นเด็ก มีใจรักสนุกอยู่มาก และนางก็ไม่ได้เหนื่อยจริงๆ แค่อยากเข้ามากระแซะพระมารดาเท่านั้น
พักหนึ่ง เหลิ่งหมิงหยู่ก็พูดเสียงเบาที่ปากประตู “พี่หญิง จุดพลุแล้ว”
เจ๋อหลานเด้งขึ้นมาทันที แล้ววิ่งโร่ออกไปกับเหลิ่งหมิงหยู่อีก
ทุกคนพากันหัวเราะ พร้อมกันนั้นก็สะท้อนใจด้วย
ในช่วงที่มีกำลังวังชา หลายๆ เรื่องพวกนางเคยประสบพบเจอมาแล้ว แต่กลับไม่อิสระอย่างพวกเขา
หยู่เหวินเห้านำกลุ่มบุรุษดื่มกินพูดคุยกันต่อในห้องโถงหลัก เขาดื่มเก่งจนน่าอิจฉา
โดยเฉพาะอ๋องเว่ย
เพราะก่อนหน้านี้คนที่ดื่มเก่งที่สุดเป็นเขา เวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นเจ้าห้า เขาดื่มไม่หยุด แต่ก็ไม่เห็นเมาสักเท่าไร
ในการสนทนาของเหล่าบุรุษ มักชอบพูดเรื่องบ้านเมือง หยู่เหวินเห้าและโสวฝู่ก็ชอบฟัง โดยเฉพาะเรื่องของจวนเจียงเป่ย อย่างไรทางนั้นก็เป็นพรมแดนของเป่ยถัง ทุกความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของทางนั้นล้วนโยงใยมาถึงหัวใจราชสำนัก
เจ้าเก้าไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย เขาออกไปดูพลุไฟข้างนอกกับเจ้าแปด
เจ้าเก้าเลิกชอบดูพลุไฟแล้ว เพราะพลุไฟแม้จะเจิดจ้าเป็นประกาย แต่ก็ดับมอดไปในพริบตาเช่นกัน รักษาไว้ไม่อยู่
แต่พี่แปดชอบ ดังนั้นเขาจึงอยู่เป็นเพื่อนพี่แปด
เจ้าแปดหนุนศีรษะไว้ที่บ่าน้องเก้าเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “น้องเก้า เจ้าพาข้าไปหนานเจียงได้หรือไม่?”
เจ้าเก้าตื่นตระหนก “พี่แปดท่านอยากไปหรือ?”
เมื่อก่อนเขาก็เคยคิด แต่อย่างไรก็ไม่ได้ลงมือกระทำ เพราะช่วงปีแรกๆ หนานเจียงยังวุ่นวายมาก
แต่เวลานี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หนานเจียงงดงามมาก สงบสันติ และพี่แปดก็เป็นคนที่เขาห่วงใยที่สุดในเมืองหลวง หากพาไปได้ เช่นนั้นก็จะดีที่สุด
ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะทรงเห็นด้วยหรือไม่? แล้วยังพี่ห้าอีก?
“ท่านจากพี่ห้าก็พี่สะใภ้ห้าไปได้หรือ?”
เจ้าแปดตรอง “ไม่ค่อยอยากจาก แต่ข้าก็อยากอยู่กับน้องเก้าเช่นกัน มิเช่นนั้นข้าจะแก่แล้ว”
เจ้าเก้าหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไร? พี่แปดยังหนุ่มอยู่เลย”
เจ้าแปดหัวเราะอย่างเหนียมอาย “ข้าจะหนุ่มตลอดกาลมิได้”
เจ้าเก้ามองเขา เอ่ย “อีกสองวันข้าจะลองคุยกับพี่ห้าดู พาท่านไปหนานเจียง เอาไว้ท่านคิดถึงพวกเขาแล้ว ข้าก็จะส่งท่านกลับมา”
เจ้าแปดดีใจยกใหญ่ “ได้ ข้าไปอยู่ที่นั่นสักปี จากนั้นก็กลับมาหาพี่ห้ากับพี่สะใภ้ห้า น้องเก้า เจ้าดีจริงๆ”
เจ้าเก้านวดเส้นผมของเขา “อือ! ข้าบอกแล้วว่าจะดูแลท่านให้ดี”
เขาขมขื่นเล็กน้อย ทุกคนต่างมีครอบครัวสร้างหลักปักฐาน มีเพียงพี่แปดที่ยังอยู่ตัวคนเดียว หรือว่าพี่แปดควรมีชายา?
บัดนี้เขาก็ดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ถึงจะกลัวคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แต่ก็มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้อื่น รู้จักเป็นห่วงผู้อื่น รู้จักแสดงอารมณ์
“น้องเก้า พลุไฟช่างงดงามจริงๆ” นัยน์ตาของเขาราวกับผลึกแก้ว ความยืนดีเปื้อนทั้งใบหน้า เขาที่ไม่รู้ในความเครียดและกังวลในแดนมนุษย์ คงความสดใสของวัยหนุ่ม ใบหน้าปราศจากความโชกโชน
“ใช่ งดงามจริงๆ!” เจ้าเก้าขยับเข้าใกล้เขาอีกหน่อย จับข้อมือเขา อธิษฐาน หวังว่าพี่แปดจะได้พบกับรักแห่งชีวิต ละหวังว่าเขาจะมีความสุขไร้ความกังวลเช่นนี้ตลอดไป
พลุไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าจากในวัง พลุไฟที่เปล่งประกายสะท้อนทุกใบหน้า ที่สดใส ที่หนุ่มสาว ที่หล่อเหลา ที่พริ้มพราย ที่เฒ่าชรา ทำบรรยากาศค่ำคืนสิ้นปีไต่ระดับขึ้นจนถึงที่สุด
ครั้นถึงยามจื่อของวันสิ้นปีก็เริ่มแจกอั่งเปา
ฮ่องเต้ฮุยจงพระบิดาของอู๋ซ่างหวงที่มีฐานะเป็นผู้ใหญ่ที่สุด คืนนี้ย่อมไม่ได้ออกงานในฐานะฮ่องเต้ฮุยจง เพียงแต่แต่งตัวเสียหน่อย นั่งอยู่ข้างกายอู๋ซ่างหวง
ขณะที่แจกอั่งเปา อู๋ซ่างหวงก็ให้เขาแจกก่อน คนที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจมิได้สังเกตมาก แต่คนที่รู้ต่างก็เข้าใจ
เสียงครื้นเครงชื่นมื่นเต็มอยู่ทั่วทุกซอกมุมของวังหลวง