บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1714 คำพูดจากใจของสวีอี
วันที่สามของปีใหม่ เจ้าเก้าเข้าวังไปปรึกษาเรื่องที่จะพาเจ้าแปดไปหนานเจียง
เจ้าห้าเห็นด้วย ที่จริงเขาอยากให้เจ้าแปดออกไปดูภายนอกนานแล้ว ไปหนานเจียงก็ดี เจ้าเก้าอยู่ที่นั่นดูแลเขาได้
เจ้าเก้าลังเลอยู่นาน สุดท้ายจึงถาม “พี่ห้า ท่านว่าหาชายาให้พี่แปดดีหรือไม่?”
“แต่งงาน?” สมัยก่อนเจ้าห้าไม่เคยคิดเรื่องนี้ เพราะเจ้าแปดอยู่กับคนอื่นไม่เป็น รู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายหน่อยจะดีที่สุด
“ใช่ ข้าแค่รู้สึกว่าหากข้างกายพี่แปดมีคนอยู่ร่วมทุกข์สุขด้วย เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าชีวิตของเขาอาจมีทิวทัศน์ที่แปลกออกไป?”
หยู่เหวินเห้าสั่นคลอนเล็กน้อย ยังเป็นเจ้าเก้าที่รักพี่แปดของเขา มิผิด ชีวิตของเจ้าแปดก็ควรมีทิวทัศน์ของตนเองเช่นกัน ไม่เพียงแต่มีชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง หรือเขาอาจควรออกไปดูโลกของคนอื่นบ้าง?
“เรื่องนี้ข้าจะปรึกษากับพี่สะใภ้เจ้าก่อน” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
เรื่องแต่งงานของเจ้าแปดเป็นเรื่องสำคัญ แล้วยังต้องประเมินอย่างมืออาชีพด้วย หลักๆ เพราะเขาไม่วางใจ
คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ภายนอกดูดีแต่ก็ไม่แน่ว่าจะดีจริง อีกอย่างการแต่งงานที่ไม่มีความรักเป็นพื้นฐานค่อนข้างเสี่ยง
บัดนี้ความคิดของเขาที่มีต่อเจ้าแปดเป็นดั่งบิดา จะให้วางมือก็ไม่อยาก จะไม่วางมือก็รู้สึกว่าชีวิตของเขายังขาดอะไรไป
เจ้าหยวนก็เช่นกัน ที่จริงนางเคยพูดมานานมากแล้ว และเคยลองมองหาคนแล้วด้วย แต่เจ้าแปดไม่ค่อยเข้าใจนิยามของการแต่งงานเท่าไร ตอนที่บอกว่าแต่งงาน เขายังงุนงงหนัก
ตอนนี้เจ้าเก้าก็พูดขึ้นอีก หรือว่าปัญหานี้ควรแก้ไขสักหน่อย?
เรื่องนี้รอให้เจ้าหยวนกลับมาแล้วค่อยหารือ เจ้าหยวนพาท่านพ่อตาแม่ยายไปทางจวนอ๋องซู่ทาง บอกว่าฉวยโอกาสตอนที่มีคนมากไปตรวจร่างกายให้พวกอู๋ซ่างหวงสักหน่อย
ทีแรกเขาก็คิดจะตามไปด้วย แต่เจ้าหยวนรังเกียจที่เขาเกะกะ ไม่ให้เขาไปเป็นเพื่อน ส่วนเด็กๆ ต่างก็มีแผน ไปเที่ยวเล่นกันหมด มีเพียงเขากับสวีอีที่มองกันไปมองกันมาอยู่ในวัง
เนื่องจากอะซี่พาลูกไปจวนอ๋องฉี บอกว่าปีใหม่พาสวีอีไปไม่ได้อะไร เกรงว่าจะกล่าวคำไม่เป็นมงคล
หลังจากเจ้าเก้าพูดเรื่องพวกนี้จบแล้วก็รีบร้อนกลับไป บอกว่าจะพาเจ้าแปดไปกินเที่ยวเล่นให้สนุก
เหลือเพียงเจ้าห้ากับสวีอีสองคน
แม้แต่มู่หรูกงกงวันนี้ก็หยุดงานด้วย ออกไปดูงิ้ว สังสรรค์กับบรรดาขันที
“พวกหมาป่าหิมะก็ไปกันหมดหรือ?” หยู่เหวินเห้าเห็นข้างนอกเงียบกริบ ผิดจากความคึกคักที่กลายเป็นความเร่าร้อนในสองวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ไม่คุ้นเลยจริงๆ
“ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” สวีอียื่นมืออังอยู่ที่เตาผิง รู้สึกสบาย หากมิใช่มาเพื่อผิงไฟแล้ว เขาก็ยอมอยู่บ้านกินขนมดีกว่า
แต่ที่นี่มีการผิงไฟที่ไม่ต้องเสียเงิน ก็ต้องพลาดไม่ได้อยู่แล้ว
“ดื่มสักหน่อยไหม?” หยู่เหวินเห้าเบื่อจัดจริงๆ แม้ว่าสวีอีจะมิใช่สหายดื่มสุราที่ดี แต่เวลานี้ก็ไร้ทางเลือกอื่น
“จัดการเลยพ่ะย่ะค่ะ!” สวีอีออกไปทันที ให้คนในวังขึ้นสุราและอาหาร
ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย ก็หวังให้ฝ่าบาทชวนกินดื่มนี่แหละ
มีสุรา บรรยากาศก็ไม่อึดอัดแล้ว โดยเฉพาะสวีอีที่ดื่มไปสองสามจอก คำพูดก็จะมากขึ้นมา
ยากนักที่สวีอีจะสะท้อนใจ แต่วันนี้ดื่มสุราไปนิดเดียวก็ร่ายยาวเชียว “ฉลองปีใหม่ครั้งนี้ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มแก่แล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ หลักๆ เพราะเห็นเด็กๆ เติบโต โดยเฉพาะวัยอย่างองค์รัชทายาท ตอนนั้นกระหม่อมก็ติดตามฝ่าบาทแล้ว”
“ใช่!” หยู่เหวินเห้ามองเขาแวบหนึ่ง ในหน้าอ่อนโยนลงทันที ก็จริง สวีอีติดตามเขามามากกว่ายี่สิบปีแล้ว
“ฝ่าบาท กระหม่อมจะพูดคำจากก้นบึ้งของหัวใจนะพ่ะย่ะค่ะ ทรงอยากสดับฟังหรือไม่?” สวีอียกจอกสุราขึ้นมา หัวเราะคิกคักเอ่ย
“ว่ามา!” หยู่เหวินเห้ามองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย “แต่หากพูดจาไม่น่าฟัง ก็ช่วยสงบปากสงบคำหน่อยเถอะ”
“น่าฟังพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีหัวเราะแล้วดื่มอีกจอก หลังจากวางลงแล้วก็เอ่ยอย่างจริงจัง “โชคดีที่ชาตินี้กระหม่อมติดตามฝ่าบาท มิเช่นนี้บัดนี้ยังมิรู้จะระหกระเหินไปอยู่แห่งหนใด จะมีความสุขดั่งวันนี้หรือไม่”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “นั่นเป็นวาสนาของตัวเจ้าเอง”