บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1730 ออกเดินทาง
เพราะครั้งนี้พาสวีอีไปด้วย ดังนั้นอะซี่ก็ย่อมจะได้ตามไปด้วย
เพียงแต่การควบม้าปุเลง ๆ ไปตามท้องถนน จะพาเด็กเล็กไปด้วยย่อมไม่สะดวก โชคดีที่ตระกูลหยวนได้ยินว่านางจะตามสวีอีไปตระเวนรอบ ๆ ประเทศ ก็ตบหน้าอกผาง ๆ ให้นางพาลูกกลับมาบ้าน ตัวเองคิดอยากทำสิ่งใดก็จงทำสิ่งนั้น ต่อให้สามปีห้าปีไม่กลับมา ก็สัญญาว่าจะเลี้ยงดูลูกของนางอย่างดี
จวนตระกูลหยวนแทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากให้มีเด็ก ๆ มาเล่นซนแทบแย่แล้ว
ทังหยางตามคณะเดินทางมา แต่เขาไม่ได้พาคนในครอบครัวมาด้วย ภรรยาของเขามีงานที่ต้องทำ จึงไปด้วยไม่ได้
เป็นไปไม่ได้ที่หรงเยว่จะไม่ไปกับอ๋องหวย และไม่ได้พาลูก ๆ ไปด้วยเช่นกัน กว่าจะได้ออกมาด้วยกันสักครั้งไม่ใช่ง่าย ๆ ถ้าพาลูกไปด้วยคงจะน่าเบื่อมากทีเดียว
หลู่ไท่เฟยในฐานะแม่สามี ตกปากรับคำว่าจะช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ อีกทั้งเด็ก ๆ ก็โตกันพอสมควรแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลอะไรให้มาก
ทุกคนมีความสุขและพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว
หยวนชิงหลิงก็มีความสุข แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ
ไม่วางใจเรื่องบรรดาคนชราในจวนอ๋องซู่เหล่านั้น
ตอนนี้สามยักษ์ใหญ่ออกไปเที่ยวแล้ว แต่ในจวนอ๋องซู่ก็ยังมีกลุ่มชายชราชุดดำจำนวนมาก ทั้งยังมีเรื่องอาการของยายชิว ที่ถึงแม้ว่าจะเริ่มทรงตัวแล้ว แต่ก็ยังต้องกินยาต่อเนื่องอีก
นางไม่วางใจนั่นไม่วางใจนี่ กลับกลายเป็นว่าไปทำให้ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา พูดอย่างเข้มงวดว่า “เวลาที่ควรไปเที่ยวก็ควรไปเที่ยว กังวลอะไรให้มากมาย? ไม่ใช่ว่ายังมีย่าอยู่หรอกรึ?”
หยวนชิงหลิงโผเข้ากอดคุณย่า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จริงด้วย มีคุณย่าคนเดียวเท่ากับมีหนูเป็นสิบคนเลย”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริงไม่มีเท็จเลย หยวนชิงหลิงในฐานะฮองเฮา ไม่ได้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามในจวนอ๋องซู่สักเท่าไหร่หรอก เวลาที่นางยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่สุด ก็คือตอนที่นางหยิบเข็มฉีดยาออกมา
แต่คุณย่าหยวนไม่เหมือนกัน ขอแค่คุณย่ายืนขึ้น แล้วปรายตามองเพียงแวบเดียว ก็สามารถทำให้ทุกคนที่นั่นพากันตกใจกลัวจนตัวสั่นงันงกกันหมดแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อารมณ์ของฮูหยินใหญ่ผู้นี้ยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ แล้ว เอะอะๆ ก็ชอบดึงคนไปฉีดยาคนละเข็มสองเข็มเสมอ
ฮูหยินใหญ่ได้เตรียมยาจีนที่เป็นกรรมสิทธิ์เอาไว้มากมาย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นยาที่คุณย่าหยวนพัฒนาขึ้นมาเอง ต่อให้เป็นกล่องยาของหยวนชิงหลิง ก็ไม่มีทางหามาได้
“ยาพวกนี้มีทั้ง ยาแก้โรคไม่คุ้นเคยกับดินและน้ำ *(เป็นอาการของคนที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ น้ำ อาหาร หรือลักษณะนิสัยการกินเวลาที่ต้องไปต่างที่ต่างถิ่น) ยาแก้ลมพิษและแก้หวัด ยาแก้เมารถและคลายอาการเมื่อยล้า ยาแก้อาการเมาค้างและป้องกันตับ…”
หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณย่าคะ ไม่ต้องพกไปเยอะขนาดนี้ก็ได้ หนูไม่ดื่มเหล้าซักหน่อย”
คุณย่าหยวนถึงกับต้องเอายายัดใส่มืออีกฝ่าย “ไม่ใช่ให้หลานซักหน่อย แต่ให้เสี่ยวเห้าต่างหาก ได้ออกไปครั้งนี้ พอสนุกมาก ๆ เข้าเขาต้องดื่มเยอะแน่ อีกทั้งเขายังพาสวีอีไปด้วย แล้วสวีอีก็เป็นพวกชอบดื่ม พอมีเพื่อนดื่ม ท่าทางว่าจะดื่มหนักจนเมาแน่ ๆ”
หยวนชิงหลิงยอมรับไปด้วยรอยยิ้ม บรรจุยาจีนที่เป็นกรรมสิทธิ์ใส่จนเต็มถุง ยาทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ของคุณย่า
ไม่ใช่แค่สวีอีที่ชอบดื่ม ใต้เท้าเหลิ่งกับหงเย่ก็ตามไปด้วย สองคนนี้เวลาดื่มขึ้นมาก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เหมือนกัน
เดิมทีการเดินทางครั้งนี้ เป็นการออกไปโดยไม่มีข้าหลวงรับใช้ตามไปปรนนิบัติ ถ้าออกบ้านไปยังทำท่าทีอวดโอ้เป็นเจ้าขุนมูลนายไม่เลิก นั่นคงเป็นอะไรที่ยอมรับไม่ได้
แต่ทางมู่หรูกงกงนั้น ไม่รู้ว่าไปร่ำเรียนวิชาบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้มาจากไหน ทั้งตีอกชกหัว ทั้งก่อความเดือดร้อน ร่ำร้องก้องตะโกนว่าจะผูกคอตาย นั่งยันนอนยันยืนยันว่าอย่างไรก็จะตามไปรับใช้องค์เหนือหัวให้ได้ เอาแต่บอกว่าตลอดชีวิตหลังจากที่ได้เข้าวังมา เขาไม่เคยห่างกายฮ่องเต้เลย
ในอดีตเขารับใช้ไท่ซ่างหวง แต่ตอนนี้เขามารับใช้ฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้นั้นยังสามารถไหลตามน้ำได้ แต่มู่หรูกงกงนั้น แข็งประหนึ่งตีจากเหล็กเลยทีเดียว
ดังนั้นเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องพาเขาไปด้วย
อากาศยังค่อนข้างหนาวอยู่ แต่ยังดีที่นอกจากมู่หรูกงกงแล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือล้วนยังหนุ่มแน่น สามารถอดทนต่อความหนาวเย็นได้
พวกผู้ชายต่างขี่ม้า ส่วนผู้หญิงนั่งอยู่ในรถม้า เริ่มออกเดินทางเป็นขบวนใหญ่โตมโหฬาร
จุดแรกคือ เขตจื๋อลี่
พวกเขาจะอยู่ที่เขตจื๋อลี่เป็นเวลาสองวัน เนื่องจากเขตจื๋อลี่นั้นอยู่ใกล้กับเมืองหลวงอย่างยิ่ง ทั้งผู้คนและประเพณีเกือบจะเหมือนกับเมืองหลวงทุกประการ ดังนั้น จึงไม่ต้องอยู่นานมากนัก
เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า ไป ๆ หยุด ๆ ไม่ถึงเที่ยงดี ก็มาถึงเขตจื๋อลี่
ในจื๋อลี่ไม่มีโรงเตี๊ยม ทำได้แค่ต้องไปพักที่จุดพักคนเดินทาง
เนื่องจากไม่ได้แจ้งล่วงหน้า จึงมีขุนนางที่จะไปเมืองหลวงมาเข้าพักอยู่ก่อนแล้ว
ขุนนางผู้นี้มาจากเมืองหวูกุ้ย เป็นผู้ช่วยข้าหลวงประจำที่ทำการปกครอง เข้ามาพักเมื่อสองวันก่อน
เขตจื๋อลี่อยู่ใกล้เมืองหลวงมาก แต่ถึงกับเข้าพักตั้งสองวัน เหลิ่งจิ้งเหยียนจึงไปถามคนของที่พักนักเดินทางว่า “ในเมื่อเป็นขุนนางที่จะมาเมืองหลวงเพื่อรายงานเรื่องธุระการงาน ทำไมถึงต้องหยุดพักตั้งสองวันด้วยล่ะ?”
พนักงานของที่พักนักเดินทางไม่รู้สถานะแท้จริงของพวกเขา ตอนที่เข้าพัก มีแค่สวีอีที่แสดงป้ายประจำตำแหน่งให้เห็น ดังนั้น พนักงานจึงคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ขุนนางที่มาจากเมืองหลวงเท่านั้น
“ป่วยขอรับ ไข้ขึ้นสูงไม่ลดเลย!” พนักงานของที่พักคนเดินทางตอบ