บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1734 แบ่งเดินทางสองชุด
เวลานี้ยังไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ขณะที่ใต้เท้าเหลิ่งกำลังถามเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไป นางก็เจาะเลือดให้เขาไปด้วย
ตอนนี้กล่องยามีฟังก์ชั่นค่อนข้างเยอะ การตรวจหาไวรัสไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นอกจากนี้ยังมีกล้องจุลทรรศน์ขนาดเล็กที่หยางหรูไห่ให้มา แต่การสังเกตเชื้อไวรัสรวมถึงการเพาะเชื้อแบคทีเรียมันต้องใช้เวลา ไม่อาจให้เกิดความล่าช้าได้ ดังนั้น นางจึงตัดสินใจให้คณะเดินทางทั้งหมดไปที่เมืองหวูกุ้ยก่อน ส่วนนางจะอยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการใต้เท้าฉีให้หายดี กับจะรอดูผลลัพธ์
เพราะไม่ว่าจะติดเชื้อไวรัส หรือติดเชื้อแบคทีเรียชนิดใดก็ตามแต่ ย่อมต้องมีผลออกมาก่อนถึงจะสามารถหาหนทางรักษาตามอาการได้
หรงเยว่พูดว่า “เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า จะได้ช่วยเจ้าดูแลคนป่วยได้”
“ไม่ต้อง พวกเจ้าล่วงหน้าไปก่อน บางทีข้าอาจจะไปถึงเมืองหวูกุ้ยเร็วกว่าพวกเจ้าด้วยซ้ำ” หยวนชิงหลิงพูด
ถ้าลำพังแค่นางคนเดียว ความเร็วในการเดินทางของนางย่อมเร็วกว่ามาก แต่ถ้าพาหรงเยว่ไปด้วยจะทำอย่างนั้นไม่ได้
“พวกเราออกเดินทางก่อน เจ้าจะไปถึงเร็วกว่าพวกเราได้อย่างไรกัน?” หรงเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ
“นางทำได้ นางสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ” หยู่เหวินเห้าพูด เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ก้าวขึ้นไปข้างหน้า เตือนหยวนชิงหลิงไปสองสามคำ ให้นางทำอะไรต้องระวังเนื้อระวังตัวให้มาก
“ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ารีบออกเดินทางเถอะ อย่าชักช้าเสียเวลา พอไปถึงท้องถิ่นนั้นให้หาจวนปกครอง แล้วขอให้ทางจวนออกคำสั่งให้สำนักการแพทย์ในพื้นที่รีบรับมือ หากข้าไปถึงได้เร็วกว่าพวกเจ้าเรื่องนี้ข้าจะเป็นคนทำเอง”
“ได้ เช่นนั้นพวกเราไปล่ะนะ!” หยู่เหวินเห้าคิดอยากจะจูบนาง แต่ด้วยสายตามากมายที่มองมา ย่อมไม่อาจให้พวกเขาได้เห็นเป็นบุญตาง่ายๆ
สวีอีไม่วางใจให้ฮองเฮาอยู่คนเดียวอย่างมาก ตลอดทางที่ติดตามคณะไป เข้าเอาแต่พูดว่า “เราจะปล่อยฮองเฮาไว้ที่นี่แบบนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“นางทำไม่ได้แล้วเจ้าทำได้รึ?” หยู่เหวินเห้ากลอกตาใส่เขา ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เสียหน่อยว่าฮองเฮาของเจ้ามีความสามารถที่ร้ายกาจขนาดไหน
คู่อ๋องหวยสามีภรรยารู้สึกไม่วางใจจริง ๆ แต่เจ้าห้ากลับไม่กังวลเลย อาจเพราะเขามั่นใจและเตรียมพร้อมดีแล้ว บวกกับพวกเขาสามีภรรยามักมีเรื่องลับ ๆ ที่บอกใครไม่ได้อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกเดินทางไปอย่างนิ่งสงบ
รอจนพวกเขาลับตาไป หยวนชิงหลิงก็เริ่มทดสอบไวรัสทันที จากนั้นก็เริ่มกำหนดแผนการรักษา
ถ้าเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง แม้ว่าการรักษาด้วยยาแผนตะวันตกจะได้ผลที่เร็วกว่า แต่ยาต้องมีไม่เพียงพออย่างแน่นอน ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว ก็สมควรใช้ยาจีนรักษาจึงจะดีที่สุด
นางค้นหายาจีนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณย่า ในนั้นมียาแก้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัส กับบรรดายาแก้อาการต้องลมเย็นจากภายนอก จึงนำออกมาใช้ก่อน
แต่ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นไข้หวัดนกจริง ๆ นางก็ยังต้องกลับไปเมืองหลวง แล้วพาคุณย่ามาด้วย
คุณย่ารู้ว่านางมีพลังเหนือธรรมชาติ การพาท่านเดินทางมาด้วยย่อมไม่มีปัญหา
ยาจีนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณย่า ใช้ไม่ได้ผลกับใต้เท้าฉี เขามีอาการปอดบวมแล้วในเวลานี้
ไข้ขึ้นสูงจนกดไม่ลง ไข้กลับมาขึ้นสูงอีกครั้งในช่วงพลบค่ำ หยวนชิงหลิงให้ยาปฏิชีวนะแบบรักษาเป็นวงกว้าง เพราะเขาหายใจลำบาก จึงต้องรับออกซิเจนจากขวดพกพา
จากการตรวจเซลล์เม็ดเลือดบางส่วน พบว่ามีลิมโฟไซต์สูง ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อไวรัส
นางเพิ่มปริมาณยาปฏิชีวนะขึ้นอีก เริ่มมีผลแล้ว เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น อุณหภูมิลดเหลือสามสิบเจ็ดองศาอาการปอดบวมก็ถูกระงับลงได้ในที่สุด
หยวนชิงหลิงขอให้พนักงานของที่พักนักเดินทางเร่งไปเมืองหลวง เพื่อไปเชิญคุณย่าที่โรงหมอหุ้ยหมิง เพื่อให้ท่านมาร่วมหารือวิธีการของแพทย์แผนจีน กับวิธีการของแพทย์แผนตะวันตก
ความเร็วของคุณย่านั้นรวดเร็วมากจนน่าทึ่ง มีคนไปเชิญตอนเช้า ช่วงค่ำ ๆ คนก็มาถึงแล้ว
หลังจากการสอบสวน ผลลัพธ์ของคุณย่าสอดคล้องกับของหยวนชิงหลิง คิดว่าคงเป็นไข้หวัดนก
มีการระบาดของไข้หวัดนกในยุคปัจจุบัน คุณย่าในฐานะศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แผนจีน ก็ได้เข้าร่วมในการรักษาโรคไข้หวัดนกนี้ด้วย แม้ว่าการจำแนกประเภทจะไม่สามารถทำได้อย่างละเอียดรัดกุมเหมือนหยวนชิงหลิง แต่คุณย่าสามารถอาศัยประสบการณ์ทางคลินิก มาทำการตัดสินได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าเป็น H5N1 คงจะลำบากแล้วล่ะ อัตราการเสียชีวิตต้องสูงมากแน่!” คุณย่าพูดอย่างเคร่งเครียด “พวกเราต้องรีบไปกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ” หยวนชิงหลิงพูด
คุณย่าเห็นด้วย แต่จำเป็นต้องจัดเตรียมที่ทางให้ใต้เท้าฉีอย่างเหมาะสมเสียก่อน การเดินทางครั้งนี้ คุณย่าพาหมอจากโรงหมอหุ้ยหมิงมาด้วย จึงมอบใต้เท้าฉีให้พวกเขาดูแล
ก่อนออกเดินทาง หยวนชิงหลิงให้ยาเขาเพิ่มอีกโดส ทิ้งยากินไว้ให้สิบวัน อธิบายเรื่องวิธีการดูแลและป้องกันเรียบร้อย ก็พาคุณย่าออกเดินทางทันที