บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1744 อย่ามัวพล่ามไร้สาระ เข้าสนามเถอะ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1744 อย่ามัวพล่ามไร้สาระ เข้าสนามเถอะ
เรื่องการประลองวรยุทธ์ ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย
หัวข้อกระทู้ร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว การค้นหาขึ้นฮอตเสิร์ชไม่หยุด เกิดเป็นการเผชิญหน้ากันสอง
รูปแบบ มีคนส่วนหนึ่งรู้สึกว่า[เหวยหวูตู๋จุน]รังแกคนแก่ เพราะเขาเป็นแค่คนแก่ที่ถ่ายวิดีโอเพื่อ
บันทึกชีวิตในวัยเกษียณเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกเกินไปก็ได้ว่าเขาจะมีหรือไม่มีสแตนอิน
แค่ทุกคนดูแล้วแฮปปี้ก็พอแล้วสิ
แล้วก็มีอีกส่วนหนึ่งที่คิดว่า การบันทึกชีวิตในช่วงบั้นปลายถือเป็นเรื่องปกติ แต่การทำให้ศิลปะ
การต่อสู้มัวหมองนั้น เป็นอะไรที่ไม่โอเคอย่างแรง
คนส่วนนี้ถึงกับคิดว่า วิดีโอแรกของแอดที่ชื่อ[ยามอาทิตย์อัสดง]นั่น ถึงกับใช้เอฟเฟกต์ทั้งหมดด้วยซ้ำ เพราะวิดีโอนั้นดูตื่นตาน่ามหัศจรรย์เกินไป แม้แต่คนหนุ่มสาวก็ยังทำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนแก่ล่ะ
แถมไม่ได้กำลังถ่ายหนังบู๊แนวกำลังภายในซักหน่อย
แน่นอนว่า คนเหล่านี้ไม่ได้ตั้งเป้าไปที่เซียวเหยากง แต่เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังของเซียวเหยากงต่างหาก เพราะทุกคนเห็นพ้องกันโดยปริยายว่า เบื้องหลังบัญชีแฟน ๆ นับล้านเหล่านี้ ต่างมีบริษัทที่ดำเนินการอยู่
การใช้คนแก่มาดึงดูดความสนใจของผู้คน เป็นอะไรที่มากเกินไปจริง ๆ
อีกทั้งเว็บไซต์ Blue Bird Video ก็แย่งชิงสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดครั้งนี้ไปแต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย
ท่านฉู่เห็นว่าการโต้เถียงบนอินเทอร์เน็ตร้อนแรงขนาดนี้ ที่จริงในใจของเขาก็มีความสุขมาก
เพราะหัวข้อศิลปะ ะการต่อสู้ถูกคนยกขึ้นมาถกกันครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ย่อมจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านศิลปะการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน
พวกเขาอยากทิ้งของดูต่างหน้าไว้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พวกเขาเคยมายุคนี้กันจริงๆ
แน่นอนว่าพวกพี่ชายของหยวนชิงหลิงย่อมรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา ศาสตราจารย์หยวนสามีภรรยารู้สึกกังวลใจเล็กน้อย เพราะพวกเขาดูวิดีโอของคนที่ชื่อ[เหวยหวูตู๋จุน]แล้ว และคิดว่าเขาก็เป็นคนที่ร้ายกาจมากคนหนึ่งทีเดียว
แต่ฟางหวูกลับปลอบใจพวกเขาว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ต่อให้มี[เหวยหวูตู๋จุน]เป็นร้อย ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”
คำพูดของฟางหวูนั้นฟังดูน่าเชื่อถืออย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้สองผู้เฒ่ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
แต่เพื่อเป็นการป้องกันระวังไว้ก่อน พวกเขาจึงขับรถไปรวมพลกับพวกเซียวเหยากง ด้วยกลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเป็นหมอ จะได้ช่วยพวกเขาได้อย่างทันท่วงที
วันประลองฝีมือ กำลังจะมาถึงอย่างเป็นทางการแล้ว
สนามแห่งนี้เปิดแบบส่วนบุคคล ในวันธรรมดาแล้วมีคนมาดูแค่ไม่กี่คน เพราะว่ากันตามจริง เรื่องของศิลปะการต่อสู้เป็นหัวข้อที่เก่ามากแล้ว ชีวิตของทุกคนล้วนถูกรายล้อมไปด้วยเกม คลิปวิดีโอสั้น กระทั่งหนังบู๊แนวกำลังภายใน ก็ยังไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกอยากดูอีกต่อไปแล้ว
แต่ในวันนี้ สถานที่จัดงานกลับเต็มจนแน่นขนัด
เจ้าของสนามปลื้มอกปลื้มใจแทบตายแล้ว ไม่ได้ลิ้มลองรสชาติที่บัตรผ่านประตูขายหมดเกลี้ยง
ขนาดนี้มานานหลายปีแล้ว วันนี้ไม่ว่าใครจะชนะใครจะแพ้ แต่เขานี่แหล่ะ คือผู้ชนะตัวจริง
ฝ่าย[เหวยหวูตู๋จุน]มารอที่สนามประลองก่อน เซียวเหยากงรีบวิ่งกลับมาตลอดทาง เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับการประลองครั้งนี้นัก ไปหาของกินใส่ท้องอย่างดุเดือด จนท้องเสียวิ่งเข้า
ห้องน้ำเป็นพัลวัน ก่อนเข้าสนามเขายังแวะไปเข้าห้องน้ำสาธารณะเพื่อถ่ายท้องอีกรอบ สุดท้าย
ถึงกับเดินกุมท้องเข้ามาในสภาพแข้งขาอ่อนเลยทีเดียว
[เหวยหวูตู๋จุน]ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา เป็นชายที่ร่างใหญ่ล่ำสัน ท่าทางหยิ่งผยองสุดขีด หัวเราะเยาะเย้ยเซียวเหยากงว่า “ตาเฒ่า ยอมแพ้ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะ”
เซียวเหยากงท้องเสียจนสีหน้าเขียวสลับขาวราวผักเหี่ยวเฉา ท้องก็ยังปวดจี้ด ๆ ไม่ทันรอให้เขาได้พูดอะไร ในท้องก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่าง จากนั้นเสียงผายลมอันยาวและไหลลื่นก็หลุดพ้นจากการควบคุมของกล้ามเนื้อหูรูด ถือได้ว่าเป็นการตอบรับคำปรามาสของ[เหวยหวูตู๋จุน]
“อี๋!” [เหวยหวูตู๋จุน]เอามือปิดจมูก พลางมองเซียวเหยากงด้วยท่าทางรังเกียจ “เป็นพวกไร้อารยธรรมจริง ๆ”
ท่านฉู่กับอู๋ซ่างหวง ต่างก็คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้จนเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะตั้งแต่ยังเด็ก เซียวเหยากงก็ได้รับการสั่งสอนจากกลุ่มชายชราชุดดำ นิสัยจึงถอดแบบกันมาเป๊ะๆ
พวกเขาถอยห่างออกไปเจ็ดก้าวในระยะปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ใช้มือโบกสะบัดพัด ๆ ให้ลมเป่า
เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ได้สูดดมกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
เจ้าของสนามกับกรรมการตัดสินหันมองหน้ากัน ต่างมีท่าทีกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย ตาเฒ่าคนนี้โอเคมั้ยเนี่ย?
ดูสภาพแล้วแค่จะยืนก็ยังแทบจะยืนไม่อยู่เลย พอขึ้นสนามจริง น่ากลัวว่าแค่หมัดเดียวก็ยังทนไม่ไหวเลยด้วยซ้ำมั้ง?
กลับกัน ฝ่ายเซียวเหยากงกลับรู้สึกสบายท้องขึ้นมากทีเดียว ถามขึ้นว่า “เริ่มได้แล้วหรือไม่?”
เขาจงใจเมินคำพูดดูถูกกับสายตายั่วยุของ[เหวยหวูตู๋จุน]ไป กับคนพรรคนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดจาไร้สาระอะไรกับมันทั้งสิ้น อีกเดี๋ยวแค่ซัดให้เละอย่างเดียวพอ
“ท่านผู้เฒ่า คุณไหวไหมครับ?” ผู้ตัดสินถามเขา
“แค่เขาคนเดียว มีอะไรไม่ไหวอย่างนั้นรึ?” เซียวเหยากงปรายตามอง[เหวยหวูตู๋จุน] ทั้งส่งสายตาดูถูกอย่างที่สุดกลับไปให้ด้วยเช่นกัน
[เหวยหวูตู๋จุน]หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ตาเฒ่า แกนี่รนหาที่ตายชัดๆ รอให้ขึ้นไปบนสังเวียนประลองก่อนเหอะ ถ้าแกร้องขอความเมตตา ฉันอาจจะปล่อยแกไปก็ได้นะโว้ย”
เซียวเหยากงรู้สึกว่าเขาเอาแต่พล่ามน่ารำคาญไม่ต่างจากเสียงนกเสียงกาเลยจริง ๆ จึงหันไปพูดกับเจ้าของสนามและผู้ตัดสินตรง ๆ ว่า “เข้าสนามเถอะ!”