บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1749 อดีตของพวกเรา
พวกเขาไม่ยอมให้แฟน ๆ ตามมา เพราะมันให้ความรู้สึกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัวอยู่เสมอ
แต่กลับกลายเป็นว่าแฟน ๆ ชื่นชอบคลั่งไคล้พวกเขาทั้งสามอย่างมาก โดนไล่ยังไงก็ยังตื๊อจะตามพวกเขาไปด้วยให้ได้
จากเริ่มแรกคือไม่ยินดี แต่พอนานไปก็ค่อย ๆ คิดได้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ เวลาพวกเขาจะเข้านอกออกในที่ไหนก็ช่าง ล้วนต้องมีคนล้อมหน้าล้อมหลังเป็นขบวน ใครยังไม่เคยมีช่วงเวลาสูงสุดของชีวิตบ้างล่ะ?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาขับรถอย่างมีความสุขบนทางหลวงตู๋คู่ ได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามทั้งหมด
แฟนๆ ยังบันทึกกิจวัตรของพวกเขาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่พวกเขาทะเลาะกัน ดื่มเหล้าเม้าท์มอย ฝึกซ้อมวรยุทธ์ ส่วนเล็ก ๆ ในชีวิตเหล่านี้ต่างถูกโพสต์เป็นคลิปวิดีโอสั้น ๆ
จากนั้นไม่นานทุกคนก็รู้ว่า แอด[ยามอาทิตย์อัสดง]ไม่ได้มีคนเดียว แต่มีสามคน คนที่ออกกล้องตลอดคนนั้นชื่อน้องสิบแปด ชาวเน็ตหลายคนตอนที่ได้ยินชื่อนี้แล้ว ถึงกับต้องแอบหลบไปขำพักใหญ่เลยทีเดียว
คนที่มีรอยสิวเล็ก ๆ บนใบหน้า ชอบเรียกตัวเองว่าข้ายังงั้นข้ายังงี้ชื่อว่าเจ้าหก แม้ว่าเขาจะดูจริงจังอยู่สักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ซนมาก เขาชอบแกล้งหยอกสองคนในกลุ่มเล่นจากนั้นก็จะเอามือปิดปาก แอบหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน
ส่วนชายชราที่ชอบอ่านหนังสือถือโทรศัพท์มือถือตลอดคนนั้น ชื่อว่าท่านฉู่ เป็นคนที่มีความรู้และมากความสามารถ พูดจาแต่ละทีมักอ้างพระคัมภีร์เป็นที่ยึดมั่น ถ้าน้องสิบแปดกับเจ้าหกทะเลาะกัน เขาแค่พูดสองสามคำ ก็สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้อย่างง่ายดาย เป็นชายสูงอายุที่มีบุคลิกทรงเสน่ห์เป็นพิเศษ
ชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นชื่อที่เฮฮาชวนขบขันจริง ๆ
แต่เมื่อได้รับรู้จากบทสนทนาว่า พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งแก่เฒ่าก็ยังออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันได้ ทุกคนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นพิเศษ
มีคืนหนึ่ง พวกเขาดื่มเหล้าอยู่ในป่า เริ่มมีสภาพครึ่ง ๆ เมาแล้ว ทั้งสามนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น มองดูดวงดาว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มคุยสัพเพเหระกัน
ฉากการสนทนาเหล่านี้ ก็ถูกแฟน ๆ ถ่ายเก็บเอาไว้ด้วยเช่นกัน
น้องสิบแปดเอามือหนุนหลังท้ายทอยแทนหมอน มองดูดวงดาวที่พร่างพราวเต็มฟ้า จู่ ๆ ชายชราผู้มีนิสัยเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ก็ถอนหายใจเฮือก “พวกเราก็แก่มากแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกกี่ปีนะ?”
เจ้าหกต่อยเขาไปหนึ่งหมัด “เดินทางอยู่ อย่าพูดเรื่องอัปมงคลสิ”
น้องสิบแปดพูดว่า “ถ้าข้าเป็นคนไปก่อนคนแรก พวกเจ้าต้องร้องไห้ให้ข้าหนึ่งยก ร้องไห้เสร็จก็เผาร่างข้าให้สิ้น แล้วนำเถ้ากระดูกของข้าออกเดินทางกันต่อไป”
ท่านฉู่พูดว่า “ความตาย เจ้ากลัวรึ?”
“กลัวสิ!” น้องสิบแปดตอบทันควัน
“ชีวิตนี้ทั้งชีวิตของพวกเรา มันวิเศษยอดเยี่ยมมากแล้ว ต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรให้นึกเสียดายอีก ” ท่านฉู่พูด
“แต่ข้านึกเสียดาย!” เจ้าหกพูดอ้อมแอ้ม
“เสียดายเรื่องอะไรรึ?” ทั้งสองหันหน้าไปมองเขา
“อยากเห็นพวกเปาเอ๋อแต่งงานมีลูกมีหลาน”
ประเทศเจริญรุ่งเรืองและเข้มแข็งมากแล้ว ตอนนี้เขาไม่ต้องคิดถึงเรื่องของบ้านเมืองอีก คิดแค่เรื่องของเด็ก ๆ เท่านั้นก็พอแล้ว
“ทั้งชีวิตนี้ของข้า มีเวลาคิดเรื่องตัวเองน้อยมาก ตอนที่พวกเราสามคนเริ่มต้น มันยากลำบากแค่ไหน พวกเจ้ายังจำกันได้หรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนั้นที่พี่เหว่ยไม่อยู่ พวกเรายังไม่ค่อยรู้อะไรมากมาย ทำได้แค่พุ่งหัวชนกับทุกสิ่งที่เข้ามา พอชนพลาดก็ถอยมาแล้วพุ่งชนใหม่ พอนึก ย้อนกลับไป ช่างเป็นเรื่องที่น่าสลดใจเหลือเกินแล้ว!”
“ตอนนั้นยากจนเสียจนแทบจะต้องขูดข้าวสารก้นหม้อกินกันตาย หลายเรื่องหลายราว เหนื่อยยากลำบากนัก ยังจำตอนที่ไปแผ้วถางพื้นที่รกร้างว่างเปล่านั่นกันได้หรือไม่?”
“ทำไมจะจำไม่ได้ เราสามคนไปที่นั่นเพื่อเป็นตัวอย่าง ไปกันเองเลยด้วย ก้มหน้าทำงานหนักเป็นจริงเป็นจังอยู่สิบกว่าวัน เหนื่อยเหมือนวัวเหมือนควายก็ไม่ปาน”
“ฮะ ๆ ในตอนนั้นข้าคิดว่ามันลำบากนะ แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้วมันก็เป็นประสบการณ์ที่หายากและมีค่าในชีวิต”
“ระหว่างทางกลับ เอวของพวกเรายืดไม่ขึ้นกันเลยเชียวล่ะ”
ทั้งสามคนหัวเราะครื้นเครง ดวงดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้า ราวกับจะสะท้อนภาพในวัยเด็กของพวกเขาออกมาเป็นฉาก ๆ
“ยังจำตอนที่เจ้าลิงถูกหลอกได้หรือไม่?” น้องสิบแปดถามขึ้นอีกครั้ง
“จำได้แน่นอนอยู่แล้วสิ ตอนนั้นพี่สะใภ้กลับมา ถึงกับไปจัดการไอ้หนูนั่นด้วยตัวเองเลย ทั้งทุบทั้งตีไอ้หนูนั่นจนฟันร่วงต้องคลานหาไปทั่ว ช่างสาแก่ใจข้าจริงๆ”
“ข้ายังจำคำที่พี่สะใภ้พูดได้ขึ้นใจเลย หลอกความรู้สึกคนยังหลอกได้ แต่หลอกเงินของนางไปอันนี้ไม่ได้ พอตอนนี้มาลองคิด ๆ ดู ตอนนั้นพวกเรายากจนขนาดไหนกันแน่หนอ?”
“โชคยังดี ที่หลังจากการทุ่มเททำงานหนักมาหลายสิบปี กับความพยายามจากรุ่นสู่รุ่น ตอนนี้พวกเรามีเงินแล้ว ได้ใช้ชีวิตในวัยชราที่รุ่งเรืองมั่งคั่ง ความเสียดายทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นในวัยเด็กของพวกเรา ได้รับการชดเชยกลับมาแล้วล่ะนะ”
บทสนทนาเหล่านี้ถูกโพสต์ลงในช่องอัพวิดีโอสั้น ชาวเน็ตที่เคยเกลียดชังคนรวยหรือตั้งแง่กับพวกคนรวยบนเน็ตมาก่อน ต่างเริ่มเกิดความรู้สึกลึก ๆ ว่า การที่พวกเขาร่ำรวย นั่นเป็นเพราะพวกเขาทุ่มเทอย่างหนักจนได้มาไม่ใช่เหรอ
หลังจากทำงานหนักมาทั้งชีวิต ยังไม่ยอมให้คนเค้าขับรถ RV ออกไปเที่ยวอีกเหรอ? ไอ้เวรที่ชื่อ[เหวยหวูตู๋จุน]นั่นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกของจริงเลย ถึงกับเอาเรื่องนี้ขึ้นมาร่ายซะจนเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต