บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1755 ข้าเป็นพ่อสื่อให้เจ้าได้นะ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1755 ข้าเป็นพ่อสื่อให้เจ้าได้นะ
“คิดถึง คิดถึงบ้าน แต่ก็อยากเล่นอยู่ที่นี่เช่นกัน” ครั้นเขาพูดถึงที่นี่ ก็ดีใจโบกไม้โบกมือทันที “ที่นี่สนุกมาก น้องเก้าพาข้าออกไปข้างนอก มีภูเขาสันเขาใหญ่ๆ มีดอกไม้ ต้นไม้ ปลากับคนเยอะๆ อะไรก็เยอะแยะไปหมด”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ ในใจรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เมื่อก่อนมักขังให้เขาอยู่แต่ในวังจริง น้อยนักที่จะพาเขาออกไปเที่ยว แล้วยังไม่วางใจให้คนอื่นพาเขาไปอีก
“เช่นนั้นหากอยู่ที่นี่มีความสุข ก็อยู่นานอีกระยะหนึ่ง” หยู่เหวินเห้าอมยิ้มเอ่ย
“อือ อยู่ที่นี่มีความสุข แต่ก็คิดถึงพวกท่านอยู่บ้าง โชคดีที่พวกท่านมาแล้ว” เจ้าแปดคล้องแขนเขาด้วยความดีใจ “ไป เราเข้าไปกันเถอะ น้องเก้าบอกว่าพวกท่านจะมาพรุ่งนี้ ในจวนก็เลยเตรียมของอร่อยเยอะแยะเลย”
เขาหันกลับมากวักหยวนชิงหลิง “พี่สะใภ้ ท่านก็รีบตามมาสิ มีของอร่อยด้วยนะ”
หรงเยว่หัวเราะด่า “เจ้ามันคนไม่มีหัวใจ สนใจแต่พี่สะใภ้ห้าเจ้าหรือ? ไม่ต้องสนใจว่าพี่สะใภ้หกเจ้าจะหิวหรือไม่แล้วใช่ไหม?”
เจ้าแปดราวกับเพิ่งเห็นหรงเยว่ เบิ่งตาโต “พี่สะใภ้หกก็มาด้วยหรือ? พี่หกก็มาด้วย? โอ้ว! ดีจริงๆ เลย!”
“จะน้อยใจอะไร?” หยวนชิงหลิงตีบ่าของหรงเยว่ทีหนึ่ง ยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้ “เขาก็แค่ชอบข้ามากกว่าเจ้าเท่านั้น”
“เฮ้อ เสียใจ!” หรงเยว่จงใจเอ่ยเช่นนี้
เจ้าแปดตื่นตระหนกขึ้นมาจริงๆ เพราะเขาก็ชอบพี่สะใภ้หกเช่นกัน นางมักให้ภาพวาดกับแบบคัดอักษรกับเขา
เขาอึกๆ อักๆ เอ่ย “ชะ…เช่นนั้นก็กินด้วยกัน มีตั้งเยอะ”
“ล้อเล่นกับเจ้าหรอกน่า ข้าไม่น้อยใจหรอก” หรงเยว่เอ่ยอย่างดีใจ
เมื่อนั้นเจ้าแปดจึงโล่งอก ทุกคนหัวเราะเข้าไปข้างใน
หยวนชิงหลิงเอ่ยกับหมันเอ๋อ “เขาอยู่ที่นี่มีความสุขมาก ร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แล้วยังพูดเก่ง เป็นความดีความงามของเจ้าเก้าเชียว”
หมันเอ๋อหัวเราะเอ่ย “นั่นนะสิ พวกเขาพี่น้องว่างก็ออกไปเที่ยว บอกว่าต้องดูโลกภายนอกให้มาก”
หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็ตัดสินใจเอ่ย “เช่นนั้นก็ให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ เอาไว้น้องเก้ากลับมารับรายงานที่เมืองหลวงแล้วค่อยพาเขากลับมา ถ้ากลับมาแล้วเขายังอยากกลับหนานเจียง ก็ค่อยพาเขากลับมาเถอะ”
แม้จะอาลัยอาวรณ์ แต่เจ้าแปดอยู่ที่นี่มีความสุขมาก มีความสุขถึงจะสำคัญที่สุด
อยู่หนานเจียง ทุกคนแทบจะไม่ได้พูดกับหงเย่สักคำ เพราะเวลาเขาทั้งหมดถูกอะโฉ่วครอบครองไปหมด
อะโฉ่วบอกเรื่องภาคเหนือกับเขา บอกเรื่องการดำรงชีวิตของตัวเอง บอกเขาว่าตอนนี้หมอผีสวรรค์ก็แต่งงานได้แล้ว และนางก็มีคนที่ชอบแล้ว
หงเย่แทบจะเป็นผู้ฟังอยู่ฝ่ายเดียว เงียบอยู่นาน เอาแต่มองใบหน้าดีใจของอะโฉ่วและหัวเราะตามเป็นบางครั้ง
ปลายฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านไปแล้ว และจะรับกับฤดูร้อนในเร็ววันนี้ ทว่ายามราตรีก็ยังค่อนข้างเย็น
หลังจากอะโฉ่วพูดจนเหนื่อย ในที่สุดก็หลับไป แต่หงเย่กลับไม่ได้นอน นั่งอยู่ที่ระเบียงทางเดินในลานบ้าน จับจดอยู่กับดวงแสงที่บ้างแผ่วเบาบ้างแดงฉานที่ส่องแสงอยู่ใกล้ๆ ไกลๆ
“ยังไม่นอนอีกหรือ?” เงาสายหนึ่งที่ถูกแสงอ่อนของโคมไฟส่องปรากฏออกมา ชุดผาวหลวมๆ มีท่วงท่าต้นหยกโชยสายลม “อะโฉ่วล่ะ?”
“หลับแล้ว!” หงเย่เงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง “ท่านยังไม่นอนอีกหรือ?”
“นอนไม่หลับ”
“มีความในใจหรือ?” หงเย่หัวเราะ “หรือทรงกังวลเรื่องบ้านเมือง? บัดนี้แผ่นดินสงบ ยังมีอะไรให้ต้องกังวลอีก?”
“แม้นไม่มีเรื่องในอนาคตก็ต้องมีเรื่องในปัจจุบันให้ต้องห่วง บ้านเมืองสงบสุขยิ่งต้องคิดการในอนาคต!” เขาเลิกชุดผาวนั่งข้างหงเย่ “เจ้าอย่าเห็นแต่ฝ่าบาทออกมาประพาส ไม่อินังขังขอบตลอดทาง แต่ในพระทัยไม่รู้ว่าคิดแผนการเท่าไรแล้ว”
“ข้ารู้ พระองค์บันทึกข้อบกพร่องที่เห็นตลอดทางทั้งหมด กลับไปคงได้จัดการสักยกเป็นแน่”
“มิผิด แผ่นดินใหญ่เพียงนี้ อย่างไรก็ต้องมีจุดที่ต้องปรับปรุง นโยบายดี แต่คนดำเนินนโยบายไม่แน่ว่าจะดีทั้งหมด” เขามองความอบอุ่นในแววตาหงเย่ “ดึกดื่นท่านยังไม่นอน หรือว่ารู้สึกสะท้อนใจอะไร?”
“อะโฉ่วเปลี่ยนไปเยอะมาก!” เขาหัวเราะแล้วเสริมอีกประโยค “เกินกว่าที่ข้าคิดไว้ แต่นางเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก ข้าดีใจแทนนาง”
“ท่านก็น่าจะปล่อยวางเรื่องในอดีตที่เกี่ยวกับชาติกำเนิดเหล่านั้นได้แล้ว”
หงเย่หัวเราะ “ปล่อยวางหมดแล้ว ตอนนี้ชีวิตข้าดีมาก มีลูกบุญธรรม มีลิงอยู่ข้างกาย แล้วยังมีท่าน…สหายรู้ใจ ฝ่าบาท ท่านชายสี่ ใต้เท้าทัง และคนอีกมากมาย”
เหลิ่งจิ้งเหยียนตบบ่าเขา “เช่นนั้นเคยคิดเรื่องแต่งฮูหยินหรือไม่? ข้าเป็นพ่อสื่อให้ท่านได้นะ!