บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1757 ไปหัวเมืองชายแดน
หยุดอยู่ที่หนานเจียงหลายวัน ได้ชมทัศนียภาพของหนานเจียงมากมายโดยมีเจ้าเก้าอยู่เป็นเพื่อน แล้วยังได้ไปภาคเหนืออีก
บัดนี้ประชาชนภาคเหนือมีใจสวามิภักดิ์ให้กับราชสำนักอย่างแรงกล้า เพราะนโยบายการปกครองหนานเจียงของราชสำนักดีมาก ประชาชนมีชีวิตที่ดี ดังนั้นจึงเคารพยกย่องฮ่องเต้มากเป็นธรรมดา
ทุกที่ที่ฮ่องเต้และฮองเฮาไปล้วนได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างเนืองแน่น
พวกเขาประพาสมานานขนาดนี้ นอกจากจะเผยฐานะที่เมืองหวูกุ้ยแล้ว ก็สวมชุดลำลองเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัวตลอด แต่ที่หนานเจียงหยู่เหวินเห้าใช้ฐานะฮ่องเต้ปรากฎตัว
ความภาคภูมิของหยู่เหวินเห้ามาจากความเชื่อมั่นและความเคารพของประชาชนที่มีต่อเขา เขามีความสุขมาก จูงมือหยวนชิงหลิง รอยยิ้มบนใบหน้ามิเคยจางหาย
เมื่อก่อนภาคเหนือมีกับดักเวทหมอผีใช้ในการป้องกันมากมาย บัดนี้ก็ไม่มีแล้ว แถมพื้นที่ราบตีนเขาที่ประชาชนจำนวนมากย้ายมาตั้งถิ่นฐานก็เกิดเป็นหมู่บ้านใหม่ขึ้นหลายแห่ง
แตกต่างกับตอนที่มาช่วยจิ้งเหอราวฟ้ากับดิน
นอกจากดีใจแล้ว หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกในบุญคุณด้วย เพราะนี่มิใช่ความชอบของเขาเพียงผู้เดียวเด็ดขาด
ขณะออกจากหนานเจียง หยวนชิงหลิงอาลัยอาวรณ์นัก ไม่อยากจากหมันเอ๋อ และไม่อยากจากเจ้าแปดด้วย
เพียงแต่เพราะจะไปหัวเมืองชายแดนแล้ว ดังนั้นความอาลัยอาวรณ์จึงเป็นความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าว ครั้นออกจากอาณาเขตหนานเจียง นางก็เริ่มคาดหวังกับการพบหน้าลูกๆ
“เจ้าหยวน เจ้าบอกพวกเขาแล้วหรือยัง?” ระหว่างทางหยู่เหวินเห้าก็เอ่ยถามหยวนชิงหลิง
“เปล่า จะแอบไป” หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย
“เจ้าเล่ห์นักนะ แต่ซาลาเปาอาจจะบอกพวกเขาแล้วก็ได้”
เวลานี้มีแต่ทังหยวน ข้าวเหนียวและกวาเอ๋อร์อยู่ทางนั้น
“สามคนปกครองห้าหัวเมืองต้องลำบากแน่” หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยความปวดใจ
“ใช่ แต่ตอนนี้น่าจะดีกว่าเมื่อก่อนบ้างแล้ว สงบสุขแล้ว” หยู่เหวินเห้าก็สงสารลูกเช่นกัน เอ่ย “เราไปครั้งนี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาให้มาก ให้พวกเขาผ่อนคลายความเหนื่อยล้า”
ที่จริงการปกครองหัวเมืองกับการปกครองแคว้นก็ไม่ต่างกันมาก ลำบากมากเหมือนกัน
ณ เมืองเจียงเป่ย
ระยะนี้เขาอู๋โข่วของเมืองเจียงเป่ยมีกลุ่มการค้าลึกลับปรากฏอยู่ตลอด อ๋องเว่ยกับอ๋องอานจ้องพวกเขาอยู่นานแล้ว พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ในเขาอู๋โข่วและเมืองเจียงเป่ย บอกเป็นกลุ่มการค้า แต่ก็ไม่เห็นว่าจะค้าขายอะไร
อ๋องเว่ยพาคนไปสืบ พบว่าในตำบลเล็กๆ ที่ตีนเขาอู๋โข่วมีคนมากลุ่มหนึ่ง คนเหล่านี้อกผายไหล่ผึ่ง ใบหน้านิ่งน่าเกรงขาม ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ไม่เหมือนกลุ่มการค้าและไม่เหมือนสามัญชน แต่กลับเหมือนทหารมากกว่า
การพูดการจาพวกเขามีสำเนียงของแคว้นจิน เครื่องแต่งกายก็เป็นเสื้อผ้าเครื่องประดับของแคว้นจิน
เนื่องจากเป่ยถังกับแคว้นจินมีการติดต่อกันอย่างเป็นทางการ ดังนั้นคนแคว้นจินทำกิจกรรมในเป่ยถังจึงเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
อ๋องเว่ยไปถามไถ่ด้วยตัวเองนิดหน่อย และตรวจสอบสถานะ พวกเขาก็ยืนยันด้วยทะเบียนบ้านของแคว้นจิน สำหรับเรื่องที่ทำไมถึงรวมตัวกันอยู่ที่ตำบลเขาอู๋โข่วนั้น ก็เพราะอยากมาดูว่ามีโอกาสทางการค้าอะไรไหม
ทั้งสองแคว้นเปิดการค้าเสรีหลายปีแล้ว นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่อ๋องเว่ยก็ยังให้ความสนใจ สองสามวันก็พาคนไปตรวจสอบอีก
เขากลัวว่าคนพวกนี้จะเป็นคนเป่ยโม่ เพราะถึงพวกเขาจะพูดภาษาแคว้นจินคล่องแคล่ว แต่ที่จริงภาษาเป่ยโม่กับภาษาแคว้นจินก็มีหลายจุดที่คล้ายคลึงกัน
ถึงไม่มีหลักฐานอะไรพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคนเป่ยโม่ แต่อ๋องเว่ยก็ยังระมัดระวังมาก ความสงบของเป่ยถังไม่ใช่ได้มาโดยง่าย ต้องรักษาเอาไว้ จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เป่ยโม่กับเป่ยถังยุติสงครามหลายปีแล้ว ในสงครามครั้งนั้นเป่ยโม่เพลี่ยงพล้ำหนัก แต่ในกมลสันดานยังเป็นแคว้นกระหายสงคราม จึงไม่ละความทะเยอทะยานที่จะกลืนแผ่นดินเป่ยถังง่ายๆ แน่
ที่เขายังเฝ้าอยู่ที่เมืองเจียงเป่ย ก็เพื่อป้องกันคนเป่ยโม่อุกอาจอหังการอีกครั้ง
ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่ จะไม่ให้คนเป่ยโม่สมใจเด็ดขาด!