บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1758 เป็นนักฆ่าจริงๆ
ในใจอ๋องเว่ยยังมีความกังวลหนักอีกเรื่อง นั่นก็คือเจ้าห้าใกล้จะถึงเมืองเจียงเป่ยแล้ว แม้เรื่องนี้จะไม่ได้ทำจนเอิกเกริก แต่เจ้าห้าออกประพาสนานขนาดนี้ อย่างไรก็ต้องมีข่าวเล็ดลอดออกไปบ้าง
ถึงเขาจะไม่ได้ประกาศว่าจะมาเมืองเจียงเป่ย แต่ก็เดาได้ว่าสถานที่สุดท้ายของเขาก็คือที่นี่
เขาเกรงว่าคนเป่ยโม่จะทำร้ายเจ้าห้า
ความทะเยอทะยานของคนเป่ยโม่มิเคยหยุดสักครา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยผ่อนปรนการจับตาคนพวกนี้ จะต้องหาพิรุธให้ได้
เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกว่าเจ้าสี่ นี่เป็นความสงสัยของเขาเอง ก่อนจะมีหลักฐานพิสูจน์ หากพูดออกไปแล้วสุดท้ายเป็นพ่อค้าแคว้นจินจริง เช่นนั้นก็จะเสียความรู้สึกของทั้งสองแคว้น
ถึงเขาจะเป็นแม่ทัพ แต่ก็รู้เรื่องความสัมพันธ์กับต่างแคว้น ประกายไฟเพียงนิดเดียว หากถูกคนคิดไม่ดีใช้ทำเป็นเรื่องใหญ่โต ก็จะกลายเป็นเพลิงทุ่งกว้าง เขาจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้
ภายใต้การจับจ้องของเขาก็พบความผิดปกติเข้าจริงๆ คนพวกนี้แรกเริ่มมีเพียงสิบกว่าคน ไม่กี่วันนี้กลับเพิ่มถึงยี่สิบกว่าคน
คนที่มาเพิ่มต่างจากคนที่มาเมื่อก่อนหน้านี้ ลักษณะของคนที่มาก่อนเหมือนทหาร แต่สิบกว่าคนที่มาใหม่นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุทธภพ แถมดูรู้ได้ว่ามีวรยุทธ์สูง
ครั้งนี้อ๋องเว่ยระแวดระวังขึ้นมาจริงๆ นำคนมาตรวจสอบในคืนนั้น
พวกที่มาก่อนยังรักษาท่าทีดังเดิม ถามอะไรก็ว่าอย่างนั้น แต่พวกคนยุทธภพกลับขึงขังไม่ยอมคน อ๋องเว่ยถามด้วยตนเอง พวกเขาก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วยังเอาใบผ่านแดนของเป่ยถังออกมาอีก
พวกเขาเป็นคนเป่ยถัง
ครั้นอ๋องเห็นท่าทีพวกเขายโสนัก ก็ดุไปนิดหน่อย แต่คนในยุทธภพพวกนั้นกลับรับไม่ได้ ถึงกับจะลงมือกับอ๋องเว่ย
ครั้งนี้อ๋องเว่ยแค่มาตรวจสอบเท่านั้น นำคนมาด้วยไม่มาก ไม่คิดว่าพวกเขาจะดุเดือดเพียงนี้ แค่ตรวจสอบก็จะลงมือลงไม้
คนแคว้นจินสิบกว่าคนนั้นเดิมก็วนเวียนอยู่รอบๆ ครั้นเห็นพวกเขาลงมือ รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจจบลงได้ เกรงว่าคนของอ๋องเว่ยจะมาสมทบ จึงลงมือทันที
ครั้นลงมืออ๋องเว่ยถึงรู้ว่าคนพวกนี้แต่ละคนวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ โหดเหี้ยมเป็นที่สุด ไม่ด้อยไปกว่าโจรภูเขาเลย กระทั่งว่ายังจะเหนือชั้นยิ่งกว่า
เมื่อต่อสู้กันยกหนึ่งไม่อาจจบได้ องครักษ์ที่ติดตามมาคนหนึ่งก็ควบม้ากลับไปส่งข่าวทันที แต่กว่าจะไปกว่าจะมา ก็ไม่แน่ว่าอ๋องเว่ยจะทัดทานไหว
อ๋องเว่ยอยากล่าถอยก่อน แต่คนพวกนี้คิดเอาชีวิต จะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไร? เมื่อนั้นก็มีสิบกว่าคนล้อมโจมตีเขา ส่วนคนที่เหลือก็ประมือกับองครักษ์ที่เขาพามา ไม่ถึงครึ่งชั่วยามผู้ติดตามทั้งหมดก็ถูกสังหาร เหลือเพียงอ๋องเว่ยที่เข้าตาจน
คนที่ควบม้ากลับไปส่งข่าวก็ถูกขวางและปาดคอตายระหว่างทาง
แปดคนที่อ๋องเว่ยพามาด้วยตายหมด ส่วนอ๋องเว่ยก็บาดเจ็บสาหัส ควบม้าหนี ศัตรูก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ระหว่างที่อ๋องเว่ยหลบหนี ก็ได้ยินเสียงคนออกคำสั่งกร้าว บอกว่าฆ่าฮ่องเต้ไม่ได้ก็ต้องฆ่าแม่ทัพเมืองเจียงเป่ยให้ได้ ให้เมืองเจียงเป่ยโกลาหลปั่นป่วน เช่นนั้นถึงจะรายงานกับท่านแม่ทัพได้!
อ๋องเว่ยมั่นใจทันทีว่าเป็นคนเป่ยโม่แน่ มีอย่างที่ไหน! คนเป่ยโม่ก็เริ่มใช้แผนสกปรกแล้ว
บนตัวเขามีรอยดาบอยู่หลายจุด ที่ท้องหนึ่งรอย ที่หลังสองรอย เขารู้สึกได้ถึงเลือดสดในร่างไหลออกมาไม่ขาดสาย รู้สึกว่าชีวิตใกล้จะสูญสิ้นแล้ว
ก็ขณะที่ศัตรูกำลังจะไล่ตามทัน ด้านหน้าก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังสนั่น คบเพลิงส่องสว่างอย่างรวดเร็ว เขาเห็นใบหน้าเจ้าสี่โกรธเกรี้ยววาวโรจน์ และได้ยินเสียงเขาตะคอก “ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้หมด!”
อ๋องเว่ยหมดเรี่ยวแรง ตกลงจากหลังม้ากลิ้งไปหลายตลบ ก่อนจะเข้าสู่ความมืดมิด เสียงฝีเท้าเจ้าสี่ก็เร่งรุดเข้ามา ตะโกนเสียงหลง “พี่สาม! พี่สาม…”
อ๋องเว่ยพยายามสุดความสามารถ จับคอเสื้อเขาไว้ อดกลั้นต่อความเจ็บปวด เค้นคำพูดออกมาจากร่องฟัน “ส่ง…ส่งข้ากลับเมืองหลวง แม้ตายข้าก็จะตายที่เมืองหลวง…”
ความมืดมิดถาโถมเข้ามา เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไป มือเขาทิ้งตัวลงและหมดสติ
“พี่สาม…!” อ๋องอานกอดเขา หันกลับไปสั่งการกับทหารอย่างเดือดดาล “จับเป็นหนึ่งคน ส่วนที่เหลือ…ข้าต้องการแค่หัว!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นเพียงแสงดาบเงากระบี่ โรมรันไม่หยุด ทหารกล้าและกองกำลังที่เก่งกาจที่สุดอยู่ที่นี่หมดแล้ว ประชิดศัตรูล่าถอยอยู่เนืองๆ แต่กลับไม่ให้พวกเขาหนีได้