บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1759 ให้ฮองเฮารีบเสด็จมา
ยี่สิบกว่าคน จับเป็นเพียงหนึ่ง ที่เหลือสิ้นซากเป็นหน้ากลอง
อ๋องอานจี้จุดห้ามเลือดให้อ๋องเว่ยก่อน จากนั้นเมื่อพาอ๋องเว่ยที่เจ็บหนักกลับถึงจวนก็มีคนไปตามหมอมาก่อนแล้ว อ๋องอานเองก็เปื้อนเลือดเต็มตัว กระชากคอเสื้อหมอพรึบ “ช่วยเขา ช่วยเขา ข้าต้องการให้เขารอด!”
หมอวางกล่องยาลงทันที “ท่านอ๋องอย่าเพิ่งร้อนพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นหมอตัดเสื้อของอ๋องเว่ย บาดแผลเป็นรอยๆ ก็ปรากฏขึ้น ดีที่ห้ามเลือดก่อนแล้ว มิเช่นนั้นเกรงว่าจะอยู่ไม่ถึงกลับจวน
แต่หมอก็ยังขมวดคิ้ว อาการหนักเกินไป รอยแผลที่ท้องลึกมาก เกรงว่าจะเจ็บถึงอวัยวะ
หลังจากเขาจัดการบาดแผลแล้วก็เอ่ยกับอ๋องอาน “ท่านอ๋อง ข้าน้อยการแพทย์อ่อนด้อย เกรงว่าจะไร้ความสามารถ หากอยู่เมืองหลวง บางทียังพอมีหวังนะพ่ะย่ะค่ะ”
การแพทย์ของเมืองเจียงเป่ยล้าหลังมาตลอด หลังจากสร้างโรงหมอหุ้ยหมิงแล้วก็ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะหมอ แต่หากเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างอีกไกลโข
อ๋องอานกระหืดกระหอบ ตวาดทั้งตาแดง “อาการเขาหนักขนาดนี้จะกลับเมืองหลวงได้อย่างไร? ทนกับความเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางได้หรือ?!”
หมอส่ายหน้าถอนหายใจ “เป็นปัญหาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยได้ยินว่าอ๋องชินในราชวงศ์มียาเม็ดจื่อจิน ไม่ทราบว่าในจวนมีไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่มี!” อ๋องอานมองท่าทางอ๋องเว่ยที่ลมหายใจอ่อนโรย เขาจนด้วยหนทาง นั่งยองลงอย่างทุกข์ทน “ยาเม็ดจื่อจินของข้าใช้ไปนานแล้ว”
“กลับเมืองหลวง กลับ…” อ๋องเว่ยที่สะลึมสะลือเอาแต่พูดคำนี้อยู่ตลอด
อ๋องอานปาดน้ำตา คุกเข่าอยู่ข้างเตียง “พี่สาม พี่สาม ท่านต้องแข็งใจไว้นะ หมอใส่ยาให้ท่านแล้ว ท่านทนอีกสองสามวัน ฮองเฮาใกล้จะถึงแล้ว”
กลับเมืองหลวงไม่ได้ อาการเขาหนักเช่นนี้ กลับไปเร็วที่สุดยังต้องเจ็ดแปดวัน แต่ฮองเฮาอีกสามสี่วันก็ถึงแล้ว
“กลับเมืองหลวง…” สติอ๋องเว่ยพร่าเบลอ แต่กลับพึมพำว่าจะกลับเหมืองหลวง นั่นเป็นที่ที่เขาเฝ้าคะนึงหา เป็นที่ที่จิตวิญญาณเขาอยู่ ที่นั่นมีรักทั้งชีวิตของเขา
“ท่านอยากเจอพี่สะใภ้สามหรือ? ได้! ได้! ข้าจะให้คนกลับเมืองหลวงไปรับนางเดี๋ยวนี้… !” อ๋องอานทั้งว้าวุ่นทั้งร้อนรน กลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องจริงแล้วจะไม่ได้พบพี่สะใภ้สามเป็นครั้งสุดท้าย
เขาหันกลับมา โซเซลากมาคนหนึ่ง เอ่ยอย่างร้อนรน “ม้าเร็วลงแส้ กลับเมืองหลวง รับจิ้งเหอจวิ้นจู่มา!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์รับคำสั่ง หมุนตัววิ่งออกไป
พระชายาอานรู้ข่าวแล้วก็รีบเดินฉับมา ครั้นเห็นอ๋องเว่ยบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ก็น้ำตาร่วงริน “เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลยมิใช่หรือ? ยังมากินข้าวมื้อหนึ่ง”
อ๋องอานนั่งอยู่ข้างเตียง ร้องไห้เงียบๆ กะทันหันเกินไป กะทันหันจนเขาไม่อาจรับได้
ระยะนี้พี่สามจับตาดูคนพวกนั้นตลอด แต่เขาไม่รู้ เป็นวันนี้จู่ๆ อยากไปหาเขาเพื่อเตรียมการเรื่องเจ้าห้าจะมา แต่พบว่าเขาไม่อยู่ ถามแม่ทัพใหญ่ใต้บัญชาในกองทัพของเขาแล้วถึงจะรู้ว่ามีคนแปลกๆ ต้องสงสัยปรากฏที่เขาอู๋โข่ว
ขณะที่เขากำลังจะควบม้ากลับไป จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าพวกสายสืบได้ข่าวว่าพวกสอดแนมรู้ว่าเจ้าห้าจะมาเมืองเจียงเป่ย แม้ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่เกี่ยวข้อง แต่เขาเป็นคนขี้ระแวง จึงนำกำลังคนไปสอบถามกับพี่สาม หากจำเป็นก็ขับออกจากเมืองเจียงเป่ย และต้องเตรียมการกับพวกนักฆ่าพวกนี้ด้วย ดังนั้นที่เขาพาไปจึงเป็นทหารหัวกะทิ เขาไม่สู้ศึกที่ไม่มั่นใจ
สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
แต่ทำไมเขาไม่ไปเร็วหน่อย? หากไปเร็วอีกนิด พี่สามก็จะไม่เกิดเรื่องแล้ว
พระชายาอานไปกอดเขา อดกลั้นความเจ็บปวดปลอบใจ “ต้องไม่เป็นไร ฮองเฮาใกล้จะเสด็จมาแล้วมิใช่หรือ? ฮองเฮามาก็ไม่เป็นไรแล้ว ส่งคนไปเร่งสักหน่อยไหม?”
อ๋องอานเงยหน้าขึ้นพรึบ “ใช่! ส่งคนไปส่งจดหมาย ให้พวกเขามาเร็วหน่อย!”
พระชายาอานลุกขึ้น ถ่ายทอดคำสั่งทันที ใช้ม้าเร็ววิ่งด่วนไปทางที่สายสืบชี้นำ ให้ฮองเฮามาเร็วหน่อย