บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1760 วิงวอนต่อสวรรค์
พวกหยู่เหวินเห้ากำลังเดินทางไปเมืองเจียงเป่ย ตลอดทางไปๆ หยุดๆ ได้พบเห็นทัศนียภาพ สภาพแวดล้อมและขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้านของดินแดนทางเหนือ เพียงแต่เดินทางได้ช้ามากจริงๆ
คืนนี้จู่ๆ หยู่เหวินเห้าก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน กระหืดกระหอบเหงื่อท่วมตัว หน้าตาหวาดวิตก
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นแล้วยื่นมือกอดเขา “เป็นอะไรไป? ฝันร้ายหรือ?”
หยู่เหวินเห้าเช็ดหน้าผาก มีแต่เม็ดเหงื่อเต็มไปหมด ตอนนี้อากาศยังไม่ถึงกับร้อน โดยเฉพาะเมื่อเข้าเขตทางเหนือ อากาศยังจะเย็นเสียอีก หน้าตาเขาขาวซีด นึกถึงฝันร้ายแล้วยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย เอ่ย “ใช่ ข้าฝันว่าพี่สามเนื้อตัวมีแต่เลือด ใกล้ตายแล้ว!”
เดิมหยวนชิงหลิงนึกว่าเป็นแค่ความฝัน คิดจะปลอบใจสักหน่อย แต่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เจ้าห้ามีสัมผัสแรงกล้า ความฝันมาอย่างคิดไม่ถึง หรือจะมีสัมผัสระหว่างพี่น้อง?
หยู่เหวินเห้าก็นึกขึ้นมาได้จากความว้าวุ่น “ตอนนี้ถึงเมืองเจียงเป่ยจะสงบ แต่ก็ยังเป็นที่ที่วุ่นวายที่สุดของเป่ยถัง คนมากหน้าหลายตา คนเป่ยโม่ก็เอาแต่จ้องตาเป็นมัน แถมพี่สามก็เป็นคนไม่รักชีวิตอย่างนั้น เจ้าหยวน ข้าอยากไปเร็วหน่อย ข้ากลัวจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ”
หยวนชิงหลิงลุงขึ้นสวมเสื้อผ้า “ไม่ ข้าไปก่อน ถ้าบาดเจ็บจริง เจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องข้าไปนี่แหละ อีกอย่างข้าก็เร็วกว่า“ได้ ได้ เจ้าไปก่อน! เราก็จะออกเดินทางทันทีเหมือนกัน” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าความฝันเหมือนจริงเหลือเกิน และไม่อาจสงบใจค่อยๆ เดินทางได้อีก “ข้าจะไปเรียกพวกเขา!”
ไม่นานหยวนชิงหลิงก็แต่งตัวเสร็จ หันไปกอดและจุมพิตเขาทีหนึ่ง “ได้ ข้าไปก่อนนะ”
“ระวังตัวด้วย” หยู่เหวินเห้ายังไม่ทันกำชับเสร็จ หยวนชิงหลิงก็ออกไปแล้ว ราตรีกลืนร่างนางหายวับไปในพริบตา
หยู่เหวินเห้าไปเคาะประตูพวกเขาทันที ตะโกนว่าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้
ทุกคนตะลึงงัน ดึกขนาดนี้แล้วจะเดินทาง? เกิดอะไรขึ้นหรือ?
โสวฝู่คลุมเสื้อออกมา จับข้อมือเขาแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “ข้าไม่รู้ แต่ในใจมีลางร้าย รู้สึกว่าพี่สามจะเกิดเรื่องแล้ว เจ้าหยวนออกเดินทางไปแล้ว เราก็รีบไปเร็วหน่อยเถอะ”
ด้วยความฝันเดียวของฮ่องเต้ก็เรียกทุกคนให้ออกเดินทางกลางดึก เดิมเป็นเรื่องไร้สาระ แต่กลับไม่มีใครรู้สึกไม่สมควร ทั้งยังคิดว่าอาจเกิดเรื่องแล้วจริงๆ
ต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ การเคลื่อนไหวว่องไวมาก เพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเรียบร้อยอยู่ที่ปากประตูที่พักคนเดินทาง ควบม้ามุ่งตรงไปยังเมืองเจียงเป่ย
ในกลางดึกที่อ๋องเว่ยได้รับบาดเจ็บ อาการสาหัสมาก หมอใช้ยามากมายแต่ก็ไม่เป็นผล ดูท่าจะไม่รอดแล้ว
อ๋องอานจับตัวหมอที่ดีที่สุดทั้งเมืองเจียงเป่ยมาราวกับเสียสติ ขณะที่หมอแต่ละคนบอกไร้ความสามารถแล้วสติเขาก็พังทลายลงจริงๆ
ในเมืองเจียงเป่ยพื้นที่แร้งแค้นนี้ เขาเคยชินกับการมีเจ้าสามอยู่ข้างกาย มีเพียงเขาอยู่ถึงรู้สึกว่าบ้านนี้มีครอบครัว
ที่เขาติดค้างเจ้าสามก็พูดไว้แล้วว่าจะชดใช้ให้ตลอดชีวิต
เขาไล่หมอออกจากประตู แล้วเดินกำลังถ่ายกำลังภายในให้เขา รักษาเส้นชีพจรไว้
ขุนนางและผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ด้านข้าง บอกว่าแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร ขณะที่ถ่ายกำลังภายในแม้เส้นชีพจรจะรักษาไว้ได้ แต่เมื่อหยุดก็จะไม่รอด
ถึงเขาจะถ่ายกำลังภายในให้ได้ตลอด แต่อย่างมากก็ได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น กำลังภายในของอ๋องอานจะผลาญจนสิ้น ตัวเขาเองก็จะอ่อนแอจนมอดม้วยด้วยเช่นกัน
พระชายาอานไม่ได้เกลี้ยกล่อมและไม่ร้องไห้ แต่เฝ้าอยู่ด้านข้างตลอด นางมั่นใจ ขอเพียงทนได้แม้อีกหนึ่งชั่วยามก็อาจมีโอกาสพลิกผัน
เพราะหากไม่ถ่ายกำลังภายใน พี่สามก็จะไม่รอด ใครก็ไม่อาจเห็นเขาสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาได้
“ต้มซุปโสม เร็วหน่อย!” หลังจากนางสงบใจได้ก็สั่งคนข้างตัวทันที
ซุปโสมมาแล้ว นางป้อนให้อ๋องอานกิน สีหน้าอ๋องอานซีดเผือด ร่างกายก็เริ่มโอนเอน
พระชายาอานร้อนรุ่มมาก แต่ไม่ได้แสดงออกมา นางกระทั่งว่าคุกเข่าลงกับพื้น วิงวอนให้สวรรค์เมตตา