บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1762 ติดตามอาการแล้วค่อยดูว่าเป็นหรือตาย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1762 ติดตามอาการแล้วค่อยดูว่าเป็นหรือตาย
ด้วยความเร็วสูงสุดห้องผ่าตัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงไปฆ่าเชื้อด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปอีก
ถัดมาก็ย้ายอ๋องเว่ยเข้าไป คนที่ขนย้ายก็ต้องฆ่าเชื้อทั้งหมด
ครั้นปิดประตู ก็เป็นการเริ่มต้นของการผ่าตัดใหญ่
หยวนชิงหลิงทุกข์ใจมาก
หากเว้นเรื่องส่วนตัวไม่พูดถึงเรื่องเมื่อสิบกว่ายี่สิบปีก่อน เขาก็เป็นขุนนางที่ดี หัวหน้าและพี่น้องที่ดีจริงๆ
หลายปีมานี้เขาลำบากมาก ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ
หลายคนบอกว่าเพื่อเป็นการไถ่บาป เขาจึงหาเรื่องใส่ตัว แต่นางไม่คิดเช่นนั้น
คนที่ไม่มีตราบาป ไหนเลยจะไถ่บาป
และคนที่มีตราบาปก็มีวิธีไถ่บาปมากมาย หรือไม่แค่ปีสองปีก็ถือว่าพูดกับคนรอบข้างตัวเองได้แล้ว
แต่เขากลับเฝ้าอยู่ชายแดนอันข้นแค้นนี้สิบปีดั่งวันแรก เจอกับอุปสรรคมากมาย ได้รับความลำบากเหลือแสน ใช้ชีวิตอย่างลำเค็ญ อาจมีส่วนที่เขาลงโทษตัวเอง แต่นางคิดว่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดก็เพราะเขาอยากเฝ้าชายแดนให้เป่ยถัง
สมัยก่อนหยวนชิงหลิงเคยโกรธเขาจัด แต่บัดนี้ไม่แล้ว มีเพียงการนับถือเลื่อมใส และเห็นเขาเป็นพี่ชาย เป็นครอบครัวจริงๆ
ดังนั้นขณะที่ผ่าตัดให้แล้วได้เห็นเขาเห็นแผลเก่าแผลใหม่ นางก็ปวดใจนัก
หากนางมาช้าอีกครึ่งชั่วโมง บางทีอาจช่วยไม่ได้แล้ว
เรื่องนี้ย่อมมีความดีความชอบของอ๋องอาน
และก็เป็นลมทรายของเมืองชายแดนนี้ ที่ทำให้พวกเขาสองพี่น้องเข้าใจกัน มีกันและกันในหัวใจจริงๆ
ตอนแรกที่เสด็จพ่อให้เขามาหัวเมืองชายแดน เป็นการให้โอกาสเขาได้กลับตัวใหม่ และนำพาความสงบสุขหลายสิบปีให้ชายแดนเป่ยถังจริงๆ
บาดแผลที่ท้องลึกเกินไป ที่ไหล่และหลังก็ถูกมีด ตอนที่บาดเจ็บเลือดออกอาการหนักมาก นี่หมายถึงเขาอันตรายยิ่ง
กว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้นก็ฟ้าสางแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยวนชิงหลิงผ่าตัดเพียงคนเดียว สิบกว่าปีมานี้ชำนาญการแล้ว
แต่ครั้งนี้อันตรายมาก อันตรายที่นางอาจมาช้าเกินไป
หวังว่าเขาจะทนต่อไปได้ เขาเข้มแข็งขนาดนั้นมาตลอด
นางเปิดประตูออก อ๋องอานและชายานำขุนนางและผู้ใต้บังคับบัญชารออยู่ด้านนอก เมื่ออ๋องอานเห็นหยวนชิงหลิงออกมา ก็ไม่กล้าหายใจแรง กระทั่งไม่กล้าถาม เพียงแต่น้ำตาคลอมองนางเท่านั้น
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “ดูอาการสิบสองชั่วยามแล้วค่อยดูว่าเป็นหรือตาย”
ริมฝีปากอ๋องอานสั่นระริก ดวงตาเทาเข้มเต็มไปด้วยน้ำตา เขาหวังว่าประตูเปิดออกแล้วจะเป็นข่าวดี
แต่อย่างน้อยเขาก็ยังอยู่
พระชายาอานเช็ดน้ำตา เดินขึ้นหน้าเอ่ย “เจ้าเหนื่อยแล้ว ไปพักกินอะไรก่อนเถอะ เราจะเฝ้าเอง”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ข้าต้องเฝ้าเอง กลัวจะเกิดเหตุอะไรขึ้น”
“เช่นนั้นข้าจะเตรียมของกินให้เจ้า” พระชายาอานหมุนตัวไป ฝีเท้าโคลงเคลงเกือบหกล้ม หยวนชิงหลิงยื่นมือประคองนาง “ระวัง”
เมื่อนั้นพระชายาอานก็ร้องไห้โฮ สวมกอดหยวนชิงหลิง ร้องไห้เอ่ยด้วยความตกใจเจ็บปวด “ข้ากลัวจริงๆ กลัวจริงๆ เลย ดีที่เจ้ามาแล้ว…”
หยวนชิงหลิงตบแผ่นหลังนาง “เชื่อเขา เขาต้องดีขึ้นแน่”
“อือ ต้องดีขึ้นแน่” พระชายาอานรู้ตัวว่าเสียงกิริยา ค่อยๆ ปล่อยหยวนชิงหลิง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “ก่อนที่เขาจะหมดสติก็เอาแต่พูดว่าจะกลับเมืองหลวง ข้ารู้ว่าเขาคิดถึงจิ้งเหอ ก็เลยส่งคนไปบอกจิ้งเหอแล้ว”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “อือ ก็ดี”
ช่วงปีใหม่ ระหว่างเขากับจิ้งเหอก็พอเข้ากันได้บ้างแล้ว
ไม่รู้ว่าพวกเขายังจะอยู่ด้วยกันได้อีกหรือไม่ แต่เวลานี้ คิดว่าจิ้งเหอต้องยินดีอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนเขาแน่
ขอแต่ให้เขาทนผ่านไปได้เท่านั้น
พระชายาอานให้คนทำอาหาร หยวนชิงหลิงกินอยู่ที่ปากประตู
อ๋องอานไม่ยอมจากไป แต่หยวนชิงหลิงไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป เพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เกรงว่าจะติดเชื้อหลังผ่าตัด ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ที่ปากประตู กินอาหารกับหยวนชิงหลิงนิดหน่อย
เดิมเขาไม่อยากอาหาร แต่ถ่ายกำลังภายในไปมาก กำลังไม่เพียงพอ เขารู้ดีว่าเวลานี้เขาจะเป็นอะไรไม่ได้
หลังจากวางถ้วยตะเกียบ เขาก็คารวะหยวนชิงหลิงอย่างลึกซึ้ง “ขอบคุณที่มาทันกาล”
“เป็นเจ้าห้า เขาฝันไป บอกว่าอ๋องเว่ยเกิดเรื่องแล้ว จากนั้นข้าก็รีบมาทันที เขาก็ขี่ม้าเร็วลงแส้เร่งเดินทางมาแล้วเหมือนกัน” หยวนชิงหลิงเอ่ย