บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1764 นางไปแล้ว
จิ้งเหอกำลังคิดถึงอ๋องเว่ยที่เมืองเจียงเป่ย
หรือเป็นเขาที่เกิดเรื่อง?
ตามหลักแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข
แต่ถึงบ้านเมืองจะสงบสุข หัวเมืองทางชายแดนก็อาจไม่
นางตรองแล้วจึงผลักประตูออก
ในจวนมีคนที่ใช้สอยได้ไม่มาก เด็กๆ ต้องดูแล สาวรับใช้แม่นมที่เชื่อถือได้ให้อยู่ที่นี่ทั้งหมด นางพาองครักษ์นามหนึ่งแล้วขี่ม้าออกนอกเมืองไป
ฟ้ายังสลัวอยู่ นางแสดงป้ายประกาศิตของจวนอ๋องเว่ย ทหารเฝ้าเมืองจึงเปิดประตูออกให้พวกเขาไป
นางมิได้ลนลาน เพียงแต่ในใจมีความคิดหนึ่ง หากเขาเกิดเรื่องจริง เช่นนั้นอย่างไรก็ต้องได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
ออกเมืองไปสิบลี้แล้วดวงตะวันถึงค่อยๆ ขึ้นสู่ขอบฟ้า ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าเห็นเพียงนางควบม้าตะกุยไป นางผอมมาก เสื้อผ้าก็หลวมใหญ่เกินไป มักให้รู้สึกว่านางอาจปลิวได้เมื่อมีลมพัดมา แต่ก็คนที่ผอมแห้งเช่นนั้น กลับมีพลังเข้มแข็ง นางกุมเชือกบังเหียน นั่งโหย่งอยู่บนหลังม้า ดวงตามีความหนักแน่นหลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย
นางไม่ได้พกอาหารแห้ง ดังนั้นขณะที่ถึงจื๋อลี่ถึงซื้ออาหารแห้งพกติดกับตัว แล้วเดินทางต่อ
องครักษ์อยู่กับนางมาหลายปี รู้ว่าแม้นางจะมีศักดิ์เป็นถึงจวิ้นจู่ แต่กลับทนต่อความลำบากได้ ดังนั้นจึงไม่ได้เสนอให้นางพัก ทั้งสองกินหมั่นโถวแล้วก็ลงแส้ตะกุยต่อ
วันถัดมาหลังจากผ่าตัด อ๋องเว่ยก็ฟื้นแล้ว สภาพการณ์ถือว่าดี แต่จะกลับมาเป็นปกติยังต้องอีกระยะ โดยเฉพาะแผลที่ขาลึกถึงเส้นประสาท หลังจากหายดีแล้วยังต้องทำกายภาพถึงจะเดินเป็นปกติได้
อ๋องอานเฝ้าอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา อ๋องอานป้อนน้ำ เช็ดตัว ถ่ายปัสสาวะด้วยตัวเองกับมือ
วันที่สาม อ๋องเว่ยกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นอีกหน่อย มองเขา แล้วมองตัวเอง “สองพี่น้องรวมกันก็มีแขนดีอยู่สองข้าง”
อ๋องอานตาแดง “รีบๆ หายสิ สองคนสองแขนก็รักษาเมืองเจียงเป่ยได้”
“นักฆ่า…”
“มาลอบสังหารเจ้าห้า ลงทัณฑ์หนักไต่สวนแล้ว ไม่รับว่าตนถูกเป่ยโม่บงการมา บอกแค่ว่าตัวเองแค้นราชสำนัก ถูกราชสำนักบีบคั้น ก็เลยจะลอบสังหารเจ้าห้า แต่ว่าไปก็โชคไม่ดี ที่จับเป็นได้ดันเป็นคนเป่ยถังเราเสียนี่”
“ฆ่าแล้วหรือยัง?”
“ฆ่าแล้ว” อ๋องอานกดเขา “ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ พักผ่อน หายแล้วค่อยว่ากัน”
หยวนชิงหลิงกับพระชายาอานยกโจ๊กเข้ามา ผ่าตัดผ่านไปสามวันเขายังไม่ได้กินอะไรสักนิด พระชายาอานลงมือต้มโจ๊กอ่อนด้วยตัวเอง ให้เขากินสักหน่อย
อ๋องเว่ยมองหยวนชิงหลิง รู้ว่านางช่วยตนไว้ เขามองหยวนชิงหลิงแล้วถอนหายใจ “บุญคุณช่วยชีวิตเกรงว่าต้องขายตัวให้น้องห้าตลอดชีวิตแล้ว มิอาจหลุดพ้นตลอดกาล”
หยวนชิงหลิงหัวเราะด่า “เฮอะ! เจ้าห้ามิอยากได้หรอก ท่านขายตัวให้ราชสำนัก ให้เป่ยถังและราษฎรต่างหาก”
พระชายาอานเสริมอีกประโยค “ให้จิ้งเหอและเด็กๆ ด้วย”
เมื่อพูดถึงจิ้งเหอ อ๋องอานถึงนึกขึ้นมาได้ “ตอนท่านเกิดเรื่อง ข้าได้ส่งคนไปบอกจิ้งเหอแล้ว”
อ๋องเว่ยเอ่ย “บอกนางทำไมกัน? นี่มิใช่ให้นางเป็นห่วงหรือ? รีบส่งคนไปเร็ว บอกว่าข้าไม่เป็นไร บอกนางไม่ต้องเป็นห่วง”
“นางไม่ห่วงหรอก” ครั้นอ๋องอานเห็นว่าเขาด่าได้แล้ว น่าจะดีขึ้นมาก จึงแกล้งหยอกเขา
“เจ้า…” ลมหายใจอ๋องเว่ยติดขัด “รีบส่งคนไปสิ เดี๋ยวนางจะรีบมาเพราะข้า ระหว่างทางหากเกิดเรื่องอะไร เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”
หยวนชิงหลิงยื่นโจ๊กให้อ๋องอาน ให้อ๋องอานป้อน “มาก็มาสิ อย่างไรเราก็อยู่นี่ ถือว่ามาเที่ยวก็แล้วกัน นางไม่ได้มาเที่ยวกี่ปีแล้ว? วันนี้น้องห้าก็น่าจะถึงเหมือนกัน”
อ๋องเว่ยคิดแล้วก็รู้สึกว่านางคงไม่มาหรอก เพราะเด็กๆ เยอะขนาดนั้น รัดตัวแน่น ไปไหนไม่ได้
อ๋องอานป้อนโจ๊ก ป้อนไปก็พูดไป “หากนางมา ท่านก็พานางไปเที่ยวสักหน่อย อย่างน้อยท่านก็อยู่ที่นี่มาสิบกว่ายี่สิบปี ริ้วรอยก็ขึ้นจากที่นี่ ผมขาวก็งอกขึ้นที่นี่ ที่นี่เป็นบ้านเกิดที่สองของท่าน ท่านก็รับรองจิ้งเหอท่องเที่ยวในบ้านเกิดที่สองของท่านเถอะ”