บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1765 มาถึงแล้ว
อ๋องเว่ยไม่สนใจเขา เอาแต่กินโจ๊ก ถึงจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังต้องกิน
ช่วงหัวค่ำพวกเจ้าห้าก็ถึงแล้ว
ครั้นเข้าจวนมาเห็นอ๋องเว่ยได้รับบาดเจ็บจริงๆ ทั้งยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา หากเจ้าหยวนช้าไปอีกนิด เช่นนั้นก็ต้องเสียเจ้าสามไปแล้ว
ครั้นรู้ว่าอ๋องอานถ่ายกำลังภายในให้เจ้าสามมาก ทำให้ตอนนี้อ่อนแรงราวกับคนแก่แล้ว หยู่เหวินเห้าก็อดหยอกล้อเขาไม่ได้ “ครั้งนี้ จะมากจะน้อยก็ถือว่าชดใช้ให้เขาบ้างแล้ว ชดใช้ต่อไป ชดใช้ตลอดชีวิต ชาติหน้าก็ไม่ติดค้างแล้ว”
ทว่าอ๋องอานกลับจับมือเจ้าห้า ขอบตาแดง “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าฝัน ถ้าไม่ใช่เจ้าให้ฮองเฮามาก่อน พี่สามก็คงตายไปแล้ว ชาติหน้าและชาติต่อๆ ไปก็ยังชดใช้เขาไม่หมด”
ทันใดนั้นอ๋องอานก็สะเทือนใจ ทำเอาเจ้าห้าตกใจจริงๆ ไม่ชินเลย เขาเหอะๆ ไปสองเสียง “เช่นนั้นท่านก็รับรองพวกเราดีๆ กินเที่ยวให้ท่านเหมาหมดแล้วกัน”
“ได้ เหมาหมดแน่!” อ๋องอานหันไปสั่งทันที ให้เตรียมสุราอาหารรับรองพวกเขาอย่างดี
วันที่สามที่เจ้าห้าถึง จิ้งเหอกับองครักษ์ก็มาถึงเมืองเจียงเป่ย
หลังจากพวกนางเข้าเมืองก็มีคนมารายงานทันที บอกว่าจิ้งเหอจวิ้นจู่มา
เดิมอ๋องเว่ยกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียง ครั้นได้ยินก็รีบร้อนลุกขึ้นมา “นางมาแล้ว? นางมา? แพล็บเดียวก็ได้ข่าวรีบมาแล้ว? ตามหลักอย่างน้อยต้องแปดวันสิบวันนี่”
เข้าแทบไม่อยากจะเชื่อ
ทันใดนั้นอ๋องอานก็เครียด “นางมาแล้ว อาการของท่านก็หายแล้ว เดี๋ยวจะว่าเราส่งข่าวปลอมหลอกให้นางมาหรือเปล่า? เช่นนั้นก็ต้องโกรธท่านต่อนะสิ”
อ๋องเว่ยยังระทึกอยู่ ครั้นได้ยินคำพูดของอ๋องอานแล้ว ในใจก็ลนลาน ลงเตียงทันที “ยังไม่หาย เจ็บภายในยังไม่หาย”
“สีหน้าท่านเลือดฝาดกว่าข้าอีก บอกว่าภายในยังไม่หายไม่ค่อยน่าเชื่อ”
“จะเสแสร้งอะไรกัน? ก็บอกความจริงไปเลยสิ ยอมรับว่าวิชาการแพทย์ข้าล้ำเลิศยากนักหรือ? ข้าจะช่วยคนที่เกือบไม่รอดชีวิตไม่ได้หรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ชายก็เช่นนี้ ไม่ว่าอะไรก็ต้องหาข้ออ้าง ไม่รู้จักพูดให้ชัดเจนแจ่มชัด
เมื่อนั้นอ๋องชินทั้งสองก็อับอายเหงื่อตก
หลังจากเหงื่อตกแล้ว อ๋องเว่ยก็ดึงผ้าห่มคลุมศีรษะ แล้วเริ่มร้องไห้อยู่ในนั้น
รู้สึกว่าถึงตายก็คุ้มค่า
ทุกคนเห็นดังนั้น ก็สบตากันทีหนึ่งแล้วหัวเราะ แต่ก็รู้สึกปวดใจอยู่บ้างเหมือนกัน
อ๋องอานออกไปรับจิ้งเหอกลับมาด้วยตัวเอง ระหว่างทางเขาก็บอกจิ้งเหอว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
จิ้งเหอโล่งอก เอ่ย “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เมื่อกลับถึงจวน จิ้งเหอก็ไปเยี่ยมอ๋องเว่ยทันที
ประตูผลักออก ร่างนางเดินเข้ามา จมูกอ๋องเว่ยเสียดคัดเล็กน้อย รู้สึกราวกับฝัน
เขารีบลุกขึ้นนั่ง มองนางแล้วเอ่ยเสียงเบา “ข้าไม่รู้ว่าน้องสี่ส่งจดหมายไปบอกเจ้า เดินทางตลอดทางเหนื่อยแล้วกระมัง?”
“พอได้!” จิ้งเหอนั่งเก้าอี้ข้างเตียงเขา กดๆ เส้นผมที่หลุดลุ่ยเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
อารมณ์ตื่นเต้นของอ๋องเว่ยคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เอ่ย “ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่เจ้าสู้เจาะจงมา”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่เป็นข้าก็วางใจ” จิ้งเหอยิ้มนิดๆ “เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะออกไปคุยกับพวกฮองเฮา”
“จิ้งเหอ!” จู่ๆ เขาก็ยื่นมือจับข้อมือนางไว้ ครั้นดึงมือนางแล้วถึงรู้สึกว่าล่วงเกินไม่เหมาะสมก็รีบปล่อยมืออีก “ที่บ้านเรียบร้อยดีไหม?”
“เรียบร้อยดี วางใจเถอะ” จิ้งเหอไม่ได้ลุกขึ้น “เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าอีกไหม?”
“เจ้า…จะพักที่นี่กี่วัน?” อ๋องเว่ยถาม
“อยู่ก่อนสักสองสามวันแล้วกัน เดินทางมาตลอด เหนื่อยแล้ว ต้องพักสักหน่อย” ว่าแล้วนางก็เยาะเย้ยตัวเองอีก “อย่างไรก็มีอายุ ขย่มอยู่หลังม้ามาหลายวัน รับไม่ค่อยไหว”
อ๋องเว่ยมองนาง ดีใจเล็กน้อย “ได้ เช่นนั้นเจ้าก็อยู่หลายๆ วัน ข้าจะพาเจ้าไปดูเมืองเจียงเป่ยในตอนนี้”
“อือ เจ้าพักมากๆ รักษาตัวให้ดี” จิ้งเหอลุกขึ้น ยังคงเป็นท่าทีสุภาพเรียบร้อย “เช่นนั้นข้าออกไปก่อน เจ้านอนเถอะ”
“ได้ ข้านอน!” อ๋องเว่ยหลับตาลงอย่างโดยดี
รอจนนางหันไปย่างเท้าแล้ว เขาจึงลืมตาข้างหนึ่งมามองนาง อยากร้องไห้นิดๆ