บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1766 ข้าแค่ไม่อยากคิด
พวกหยวนชิงหลิงอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าไป เดิมคิดว่าจะให้พวกเขาได้พูดคุยกันสักพัก เพราะเกือบต้องจากกันชั่วนิรันดร์แล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจิ้งเหอเข้าไปพูดเพียงไม่กี่คำก็ออก ทั้งสีหน้ายังราบเรียบอีก
จิ้งเหอคารวะทุกคน แล้วถึงถามหยวนชิงหลิง “อาการบาดเจ็บของเขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “วางใจเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว อีกสักระยะก็กระโดดโลดเต้นได้”
จิ้งเหอหัวเราะเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี”
พวกผู้หญิงออกมาพูดกันข้างนอก กลุ่มผู้ชายก็เข้าห้องอ๋องเว่ย โพล่งอารมณ์ไปยกหนึ่ง ทำตัวน่าสงสารก็ไม่เป็น สมน้ำหน้าต้องตัวคนเดียวตลอดชีวิต
อ๋องเว่ยยิ้มเจื่อน พวกเขาไม่เข้าใจ ในฐานะที่เป็นหลักของบ้าน เขาสมควรต้องเป็นเสาหลักค้ำฟ้า เป็นที่พึ่งพิงของนางและเด็กๆ จะทำตัวน่าสงสารอะไร?
พวกหยวนชิงหลิงก็ลากนางออกไปคุย เกี่ยวกับที่นางมา หยวนชิงหลิงยังอดพูดไปไม่ได้ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาจริงๆ”
พระชายาอานให้นางดื่มชาก่อนแล้วค่อยพูด เพราะเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง พระชายาอานดีใจมาก นางเป็นคนที่หวังที่สุดว่าอ๋องเว่ยกับจิ้งเหอจะได้คืนดีกัน
จิ้งเหอดื่มไปอึกหนึ่ง มองหยวนชิงหลิงเอ่ย “ที่จริงข้าไม่รู้ว่าเขาเกิดเรื่องจริงๆ แต่กลางดึกจู่ๆ ก็จิตใจไม่สงบ นั่งไม่ติด นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ว่าอย่างไรก็คิดว่าเขาเกิดเรื่อง ข้าคิดว่าไม่ว่าอย่างไร ครั้งสุดท้ายนี้ก็ต้องเห็นหน้าสักหน่อย”
หรงเยว่เข้ามาถาม “เจ้าไม่แค้นเขาแล้วหรือ?”
“หรงเยว่!” หยวนชิงหลิงกับพระชายาอานตำหนินาง
หรงเยว่หดศีรษะ ก็อยากรู้นี่นา
หยวนชิงหลิงถลึงตาใส่หรงเยว่ทีหนึ่ง จากนั้นก็มองจิ้งเหอ ขยับเข้าใกล้ “นั่นสิ เจ้าไม่แค้นเขาแล้วหรือ?”
หรงเยว่กรอกตาขาว เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไร?
จิ้งเหอมองใบหน้าเหล่าสะใภ้ที่อยากซุบซิบ เป็นการซอกแซกแต่ก็เป็นห่วงด้วย นางเข้าใจ
จิ้งเหอนิ่งงันพักหนึ่ง เอ่ยเสียงแผ่ว “ตอนนั้นข้าถูกหมอผีเจียงเป่ยจับตัวไป ขังอยู่ในถ้ำหน้าผาของเจียงเป่ย ตอนแรกพวกเขาก็ยังเคารพข้า เพียงแค่ใช้ข้าเป็นหมากเท่านั้น หมอผีคนหนึ่งในนั้นเห็นข้าท้อแท้สิ้นหวังจึงถามเรื่องราวข้า ตอนนั้นข้าทุกข์ระทมนัก จึงเล่าเรื่องลูกของข้ากับเขา ตอนแรกเขาฟังแล้วไม่ได้พูดอะไร สองสามชั่วยามให้หลังเขาก็กลับมาหาข้าอีก บอกว่าดูดวงให้ข้าแล้ว ข้ายังไม่หมดวาสนากับลูก หากข้าจากไปได้ให้ทำบุญมากๆ รักเด็กกำพร้าทั่วหล้า วางความแค้นไปหาความสันติในใจ เช่นนี้ลูกข้าก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้าด้วยรูปแบบอื่น ข้าในตอนนั้น แทบฟังคำพูดนี้ไม่เข้าหู ถึงจะถูกช่วยกลับไปแล้วก็ยังมีชีวิตแบบร่างไร้วิญญาณ กระทั่งได้พบกับเด็กกำพร้าคนแรก ข้านึกถึงคำพูดของหมอผี ตรึกตรองหนักแล้วจึงรับเลี้ยงเด็กคนนี้ ข้าได้เป็นแม่แล้ว ความสนใจของข้าก็อยู่กับลูกทั้งหมด ในใจสงบขึ้นมา เพราะข้ามีความหวังที่จะอยู่ต่อ ภายหลังข้ารับเลี้ยงเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ ยุ่งงวดไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อที่พักอาหารการกินของพวกเขา เพื่อร่างกายแข็งแรงของพวกเขา เพื่อการร่ำเรียนศึกษาของพวกเขา บางครั้งข้าก็คิดถึงลูกที่ไม่ได้เกิดคนนั้นของข้า ข้ายังไม่เชื่อคำพูดของหมอผีสนิทใจ แต่ไม่ว่าจะเชื่อหมดหรือไม่ นี่ต้องเป็นความหวังที่ข้าเก็บซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจแน่ ดังนั้นตอนนี้ถามว่าข้าแค้นหรือไม่ ข้าไม่รู้ เพราะหลายปีมานี้ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ มากไปกว่านั้นยังเพราะไม่มีเวลาจะคิด เด็กเยอะขนาดนี้ ทำให้สมองเจ้าไม่อาจคิดอะไรได้ ได้แต่เค้นหัวสมองวางแผนชีวิตในอนาคตของพวกเขา”
หยวนชิงหลิงฟังจนหวั่นไหว น้อยนักจะได้ฟังความในใจของจิ้งเหอ แทบจะเป็นครั้งแรกที่เปิดอกแล้วเผชิญหน้ากับอดีตของตนเองอย่างจริงจังกับพวกนาง
“ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมากมายขนาดนั้น อดีตก็ดี อนาคตก็ดี ทำไปตามหัวใจเถอะ” จิ้งเหอเอ่ย
“อือ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็สนับสนุนเจ้า” หยวนชิงหลิงเอ่ย
“ขอบใจ!” จิ้งเหอลุกขึ้นยืนย่อคำนับ เอ่ยอย่างซาบซึ้ง “หลายปีมานี้ ดีที่ได้พวกเจ้าช่วยเหลือ ข้ากับเด็กๆ ถึงได้ปลอดภัยสงบสุข”
“เรื่องนี้เราไม่กล้าเอาความชอบ หลักๆ ก็เพราะเงินของพี่สามมีประโยชน์” หรงเยว่หัวเราะเอ่ย