บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1767 อีกไม่กี่วันข้าจะกลับเมืองหลวง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1767 อีกไม่กี่วันข้าจะกลับเมืองหลวง
มื้อเย็นเพียบพร้อมบริบูรณ์มาก การดำรงชีวิตของเมืองเจียงเป่ยในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แก้ไขเรื่องปากท้องแล้วก็อยากกินดีหน่อย โดยเฉพาะการมาของอ๋องชินทั้งสอง ได้นำวัฒนธรรมอาหารการกินของแถบเมืองหลวงมาด้วย
พระชายาอานรับรองอย่างสุดความสามารถ ยกอาหารที่ดีที่สุดขึ้นโต๊ะ
ระหว่างงานเลี่ยงดื่มสุรา เจ้าห้าบอกว่ารอให้อาการของอ๋องเว่ยดีขึ้นบ้างแล้วก็จะไปหาเด็กๆ นั่นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา
หงเย่กับโสวฝู่เหลิ่งก็คาดหวังมาก ดูสิว่าเจ้าเด็กเหลิ่งหมิงหยู่จะแอบอู้หรือไม่
หรงเยว่ถามจิ้งเหอว่าจะไปด้วยกันหรือไม่ จิ้งเหอส่ายหน้า บอกว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเป่ยสักหน่อย รอพวกเขาจะกลับเมืองหลวงแล้วก็ร่วมกลับกับพวกเขา
หรงเยว่เอ่ยอย่างรู้ใจ “เจ้าเดินทางมาเหนื่อยมากจริงๆ ไม่ต้องตามเราวิ่งไปวิ่งมาหรอก อยู่พักที่นี่สักหน่อย รอพวกเรากลับมาแล้วก็พาเจ้าไปด้วย”
“ได้!” จิ้งเหอเอ่ยอย่างนุ่มนวล
พระชายาอานดีใจเอ่ย “อยู่เป็นเพื่อนข้าพอดี”
เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จ จิ้งเหอก็ออกตัวไปป้อนโจ๊กให้อ๋องเว่ย
อ๋องเว่ยไม่คิดว่านางจะมา รีบลุกขึ้นนั่ง “ข้ากินเองได้ ไม่ต้องรบกวนเจ้าหรอก”
“ได้!” จิ้งเหอยื่นโจ๊กให้เขา
บ่าอ๋องเว่ยมีแผล เคลื่อนไหวได้ไม่ดี ครั้นกระตุกโจ๊กออกมาช้อนหนึ่ง จิ้งเหอก็เช็ดให้เขาสะอาดก่อนจะเอ่ย “ข้าป้อนเจ้าดีกว่า”
อ๋องเว่ยถอนหายใจ “ไม่เอาไหนจริงๆ กินข้าวยังต้องให้คนดูแล ไม่รู้ว่าแก่แล้วจะทำอย่างไร”
“เด็กๆ ย่อมดูแลเจ้า หากไม่พอยังมีคนรับใช้”
อ๋องเว่ยมองนาง กินโจ๊กที่นางป้อนให้ทีละคำๆ “เด็กๆ นับข้าเป็นพ่อจริงหรือ?”
“การให้ย่อมได้รับผลตอบแทน พวกเขาก็รู้ความมาก ต้องรู้คุณแน่” จิ้งเหอเอ่ย
“แต่ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเขาประจำ” อ๋องเว่ยถอนหายใจ ถึงจะบอกว่าไม่แสร้งทำเป็นน่าสงสาร แต่เขาพบว่าการทำเช่นนั้นได้ผลมาก
จิ้งเหอไม่ได้พูดต่อ ป้อนเขากินเสร็จแล้วก็วางถ้วยลง มองเขาแล้วเอ่ย “เช่นนั้นมีเวลาเจ้าก็กลับไปเยี่ยมพวกเขาเถอะ เด็กๆจะไม่มีพ่อก็ไม่ได้”
หัวใจอ๋องเว่ยเต้นเร็วไปหลายจังหวะ สูดลมหายใจเข้า แล้วเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร “กลับไปแล้วจะพักที่ไหน? จะไปอาศัยจวนอ๋องฉู่ของเจ้าห้าตลอดก็ไม่ค่อยดี ข้าก็ต้องรักษาหน้าเหมือนกัน”
“เจ้าไม่มีจวนของตัวเองหรือ?” จิ้งเหอเอ่ยเรียบ
อ๋องเว่ยเงยหน้าขึ้นพรึบ จากนั้นก็ค่อยๆ ลดสายตาลง “เช่นนั้นเจ้าว่าข้ากลับไปแล้วจะพักห้องไหน?”
“ห้องหนังสือยังว่างอยู่ หากเจ้าไม่อยากนอนห้องหนังสือ เช่นนั้นก็นอนที่คอกม้า…”
“ห้องหนังสือ ห้องหนังสือ!” อ๋องเว่ยรีบตัดคำพูดครึ่งประโยคหลังของนาง “ห้ามกลับคำล่ะ”
ห้องหนังสืออยู่ติดกับห้องของนาง เพียงกำแพงกั้นเท่านั้น
“เจ้าชอบละสิ” จิ้งเหอยกถ้วยขึ้น “ยังจะกินไหม?”
อ๋องเว่ยเอ่ยอย่างตื่นเต้น “เอาอีกสามถ้วย เอาเนื้อด้วย!”
จิ้งเหอยกถ้วยออกไป “รอก่อน!”
อ๋องเว่ยรอจนนางออกประตูไปแล้ว ก็สปริงตัวกระโดดขึ้นมา กระชากถูกบาดแผล กอดผ้าห่มคุดคู้อยู่บนเตียงแบบมีความสุขสุดขีดแล้วก็ได้ความทุกข์ตามมา
เจ็บตายก็คุ้ม!
ครั้นกินโจ๊กอีกสามถ้วยแล้ว จิ้งเหอก็ออกไปจัดเก็บก่อน อ๋องเว่ยจึงเรียกอ๋องอานมาทันที ถามอย่างจริงจัง “นักฆ่านั่นฝังแล้วหรือยัง?”
“โยนศพทิ้งไปแล้ว”
“เก็บกลับมา ให้เสื่อเขาผืนแล้วหาหลุมสักแห่งฝังให้เรียบร้อยเถอะ”
อ๋องอานประหลาดใจ “ทำไมต้องให้เสื่อ? เขาเป็นนักฆ่านะ จะมาเอาชีวิตเจ้าห้า ไม่ทำให้แหลกเป็นผุยผงก็ถือเป็นบุญเหลือฟ้าของเขาแล้ว”
“ช่างเถอะๆ เป็นคนต้องมีจิตเมตตาหน่อย เขาก็ไม่ได้ลอบฆ่าสำเร็จนี่”
“แต่เขาเกือบฆ่าท่าน” อ๋องอานโมโหเอ่ย
อ๋องเว่ยยื่นมือวางที่บ่าเขา “ฆ่าได้ดี”
อ๋องอานถลึงตาใส่เขา ฮองเฮาได้ตรวจสมองเขาหรือเปล่า? หรือว่ายังบาดเจ็บที่สมองด้วย?
อ๋องเว่ยค่อยๆ นอนลง “อีกไม่กี่วันข้าจะกลับเมืองหลวง เจ้าก็เฝ้าเมืองเจียงเป่ยไป”
“กลับเมืองหลวงไปทำอะไร? บาดแผลท่านก็ยังไม่หายดี อีกอย่างตอนปีใหม่ก็เพิ่งกลับไป”
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะกลับบ้านไปเยี่ยมลูก” อ๋องเว่ยทำหน้านิ่งก่อน จากนั้นก็ริมฝีปากก็เริ่มยกขึ้น กว้างขึ้น แล้วเอาผ้าห่มคลุมใบหน้าพรึบ ยิ้มจนบาดแผลแทบจะปริ