บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1770 ศึกชิงบุตรีอีกแล้ว
เมื่อหยู่เหวินเห้าเห็นเงาร่างแดงอ่อนตรงด้านล่างกำแพงเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
นางพิงอยู่กับกำแพง เหนือศีรษะเป็นเจ้านกฟีนิกซ์น้อยที่บินวนเวียน ครั้นเห็นขบวนม้า นางก็วิ่งพรวดเข้ามาราวกับเด็ก ไม่! นางยังเป็นเด็กอยู่!
หยู่เหวินเห้าลงม้าอย่างรวดเร็ว ประคองบ่านาง ยังไม่ทันได้ดูดีๆ ก็ใจละลายด้วยเสียงเรียก ‘เสด็จพ่อ’ ที่เจือความออดอ้อน
เขาช้อนใบหน้านาง ดูรอยยิ้มแดงบนนั้น คิ้วตาโค้งงอนเจือความปรีดา เขาดีใจนัก ดีใจเหลือเกิน
“เสด็จแม่!” ไม่รอให้เจ้าห้าได้พินิจละเอียดหนำใจ หยวนชิงหลิงก็เดินมา เจ๋อหลานวิ่งพรวดไปหาแล้วโถมตัวสู่อ้อมกอดของผู้เป็นมารดา ออกแรงกระทืบซอยเท้า “เสด็จมาได้สักที ช้ากว่าที่หม่อมฉันคิดไว้สองวันแน่ะ หม่อมฉันรอจะแย่เพคะ”
หยวนชิงหลิงสวมกอดร่างผอมบางของบุตรี ปวดใจนัก ดูก็รู้ว่าไม่ได้กินดี
นางจูงมือเจ๋อหลาน ยิ้มเอ่ย “ยังไม่ต้องรีบอ้อน คารวะเป็นมารยาทก่อน”
เจ๋อหลานเดินไปทางทุกคน แล้วคำนับทีละคน เรียกเสด็จลุงหกเสด็จน้าหก ท่านอาสวีอี ท่านน้าอะซี่ ใต้เท้าเหลิ่ง พ่อบุญธรรมหงเย่ด้วยวาจาหวานเยิ้ม เรียกจนทุกคนชุ่มชื้นหัวใจ ต่างก็ว่าเจ้าหญิงเป็นเด็กดีนัก
เศรษฐินีหรงเยว่ เอะอะก็ใช้แก้วแหวนเงินทองเป็นของขวัญ กำไลสองวงสวมข้อมือเจ๋อหลานแล้วถึงจะเอ่ยอย่างดีใจ “กวาเอ๋อร์ ดูสิสูงขึ้นอีกหน่อยแล้ว สูงขึ้นแล้วหรือเปล่าเนี่ย?”
“เพคะ เสด็จน้าหก หม่อมฉันสูงขึ้นแล้ว” เจ๋อหลานเอ่ยอย่างภาคภูมิ
เจ๋อหลานในตอนนี้ กำลังเป็นช่วงเจริญเติบโตของเด็กผู้หญิง ปีสองปีก่อนร่างกายยังเล็กกะทัดรัด บัดนี้ร่างกายสูงโปร่งขึ้นมากแล้ว
แสงแดดและลมทรายทางหัวเมืองชายแดนนี้แรงนัก อายุเช่นนี้ เดิมควรมีผิวเนียนละเอียดเปราะบางอย่างดรุณีน้อย แต่นางกลับเปลี่ยนเป็นสีข้าวบาเลย์แข็งแรงแล้ว มีพลังเต็มเปี่ยมทั่วทั้งร่าง
หงเย่เดินขึ้นหน้าจูงมือเจ๋อหลานอย่างไม่สนใจเรื่องยุ่งยากร้อยแปด “ไยหมิงอยู่ไม่ติดตามเจ้ามาด้วยเล่า? เจ้าเด็กนี่แอบอู้ใช่ไหม?”
เรื่องยุ่งยากร้อยแปดที่เขาไม่สนนั้นก็คือหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าเป็นก้างขวางความสัมพันธ์พ่อบุญธรรมกับลูกสาวเสมอ ตั้งแต่เจ๋อหลานเกิดจวบจนวันนี้ หยู่เหวินเห้าสนุกกับการขัดขวางเขาเข้าใกล้กับเจ๋อหลาน
ฮ่องเต้ขี้เหนียว ให้เจ๋อหลานเป็นลูกบุญธรรมเขา เนื้อเขามิได้หายสักกึ่งก้อย
หยู่เหวินเห้าคลั่งขึ้นมาเล็กน้อย “ไอ้ใบตอง! ปล่อยนางนะ”
เขาข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพิ่งได้เห็นลูกสาวแวบเดียวก็ถูกแย่งไป หน้าใหญ่อย่างกับใบตอง
“ข้าก็เป็นพ่อบุญธรรม ไยต้องปล่อยด้วย?” หงเย่ยักไหล่
“นี่เป็นโองการของข้า ข้าขอสั่งเจ้า ปล่อยนาง!” หยู่เหวินเห้าขึ้นหน้าจะดึงมือเขาออก แต่ก็กลัวจะกระชากถูกมือลูกสาวตน
แสงตัววันรอนๆ กัมพูจางฉาบโฉมหน้าหงเย่ เขาเลิกคิ้วนิดๆ “แม่ทัพอยู่ข้างนอก มิถูกครอบงำด้วยโองการแห่งราชา”
เจ๋อหลานยื่นมืออีกข้างออกไป แล้วจูงเสด็จพ่อ เอ่ยปลอบ “เราไปด้วยกันเถอะเพคะ”
หนึ่งบิดาหนึ่งบิดาบุญธรรม จูงร่างแดงอ่อนเดินเข้าประตูเมือง นกฟีนิกซ์ยังวนเวียนอยู่เหนือศีรษะ
สองสามคนข้างหลังต่างเห็นจนชินตา หงเย่ชอบแย่งลูกสาวกับเจ้าห้า
“ไม่เอาม้าแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงร้องเรียกอยู่ด้านหลัง
“ให้คนจูงกลับไป ข้าจะเดินเที่ยวกับลูกก่อน” หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างไม่หันหลัง
หยวนชิงหลิงอีหลักอีเหลื่อ ใครเป็นคนให้กำเนิดกวาเอ๋อร์กันแน่? นางผู้เป็นมารดายังไม่ได้จูงมือเลย ผู้ชายก็จริงๆ เชียว จนแปดสิบก็ยังจะปัญญาอ่อนกันได้อีก
นางมองทางเหลิ่งจิ้งเหยียน หัวเราะเอ่ย “ไม่จัดการแขกบ้านท่านหน่อยหรือ?”
“ผู้ใดอยากจัดการก็จัดการไปพ่ะย่ะค่ะ” โสวฝู่เหลิ่งทำหน้านิ่ง
ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา การเดินทางครั้งนี้เพิ่งได้ผ่อนคลายจริงๆ ก็เมื่อถึงเมืองโร่ตู
ทุกคนทิ้งม้า ให้ทหารประตูเมืองจูงกลับจวน
พวกเขาต่างเดินไปด้านหน้า เที่ยวชมก่อนแล้วกัน
อ๋องหวยจูงมือหรงเยว่ สวีอีจูงมืออะซี่ เหลิ่งจิ้งเหยียนสบตากับหยวนชิงหลิงทีหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างจนใจ