บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1771 ทรงเคยหวั่นไหวกับชายอื่นหรือไม่
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1771 ทรงเคยหวั่นไหวกับชายอื่นหรือไม่
หลังจากเดินรอบเมืองโร่ตูแล้วจึงกลับจวน
และทุกคนถึงรู้ว่าฮ่องเต้และฮองเฮามา ที่แท้ที่เจ้าหญิงให้เตรียมอาหารเย็นก็เพื่อจะรับรองฝ่าบาทกับฮองเฮานี่เอง
หูหมิงพาแม่นางโจวมา ตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันก็เป็นคู่สามีภรรยาหวานชื่น แม่นางโจวลดความขึงขังลงนิดหน่อย อ่อนโยนขึ้นมากแล้ว
ความรักเป็นพลังเวทมนตร์จริงๆ
ฮ่องเต้กับโสวฝู่มาทั้งที หูหมิงจึงรายงานการทำงานในจวนเสียเลย ขี้เกียจไปเมืองหลวงอีกครั้ง
เดิมคิดว่าเยี่ยมเจ๋อหลานแล้วค่อยไปเยี่ยมทังหยวนกับข้าวเหนียว ไหนเลยจะรู้ว่าตกกลางคืนประมาณยามไฮ่ พวกเขากลับขี่ม้ามา
เห็นชัดว่าเจ๋อหลานส่งข่าวไป
แต่เหตุผลของพวกเขาก็ทำให้หยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิงปลื้มใจมาก พวกเขาบอกว่าถ้ามาก็จะได้อยู่กับพ่อแม่มากขึ้นอีกหลายๆ วัน แล้วในเมื่อรู้ว่าพ่อแม่มา พวกเขาจะอยู่เฉยรอหลายวัน หวังให้พวกเขามาหาก็ไม่ได้
ที่จริงสถานการณ์ห้าหัวเมืองก็ไม่ต่างกันมาก ตอนนี้อยู่ในช่วงเจริญก้าวหน้า
แน่นอน เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปี จะว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ไม่ได้ แต่หากเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
เนื่องจากพวกเขามา กลางคืนจึงกินมื้อดึกอีกรอบ
เจ้าห้ากินไม่ลงแล้ว แต่ก็ดื่มกับพวกลูกชายได้
ทีแรกอนุญาตให้พวกเขาดื่มเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางมือลูกชายถือจอกสุราได้ง่ายดายแล้ว ก็รู้ว่าต้องดื่มเป็นการส่วนตัวบ่อยแน่
หากใช้คำพูดของทังหยวน ก็คือการดื่มสุรา เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตของชายชาตรี
คำพูดนี้ หากเปลี่ยนเป็นบิดาอื่นได้มะเหงกให้เป็นแน่
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ วิชาการเข้าสิง บอกผลเสียในการดื่มสุรากับพวกเขา เจ้าห้าก็ร่วมสมทบด้วย เขาดื่มได้ แต่พวกลูกชายดื่มไม่ได้
แต่หลังจากหยู่เหวินเห้าดื่มเมาไปสามส่วน ก็ไม่มีราชาขุนนางพ่อลูกอะไรอีก ล้วนเป็นสหายน้ำจัณฑ์ เส้นจำกัดที่หยู่เหวินเห้ามีกับลูกๆ ก็หย่อนยานมากขึ้นเรื่อยๆ บอกว่าให้ดื่มเพียงสามจอกเล็กเท่านั้น แต่พอดื่มไปสามจอกเล็ก ก็อนุญาตให้ดื่มอีกสามจอก หากไม่ใช่เพราะหยวนชิงหลิงอารมณ์เสีย ก็คงต้องต่อสามจอกอีก
หลังจากไล่พวกเขากลับไปนอนแล้ว หยวนชิงหลิงก็นอนกับเจ๋อหลาน
ศีรษะของเจ๋อหลานหนุนอยู่ที่แขนของมารดา บอกเล่าเรื่องสนุกบางเรื่องในจวน อย่างเช่นท่านอาหูหมิงกลัวภรรยามาก เชื่อฟังแม่นางโจวทุกอย่าง ทั้งยังเกิดเป็นเรื่องขบขันอีกหลายครั้ง
เจ๋อหลานเล่าอย่างครึกครื้น นัยน์ตาเปล่งประกายราวกับดวงดารา
หยวนชิงหลิงก็ฟังจนครึกครื้นด้วย ดูท่าบุตรีอยู่ที่นี่จะมีความสุขมากจริงๆ
รอจนนางเล่าเรื่องในจวนเสร็จ หยวนชิงหลิงจึงเอ่ย “พรุ่งนี้เช้า เจ้าไปแคว้นจินเป็นเพื่อนข้าสักหน่อย ไปหาฮ่องเต้จิ่งเทียน ฉวยโอกาสที่มาครั้งนี้ ให้ยาเขาก่อน ถึงเวลาเขาจะได้ไม่ต้องไปเมืองหลวง”
“เสด็จพ่อเสด็จไปด้วยไหมเพคะ?” เจ๋อหลานถาม
“เขาไม่ไป มีแต่เราไป”
“ก็จริงเพคะ เสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้เป่ยถัง หากไปแคว้นจินจะลับๆ ล่อๆ ได้อย่างไร?” เจ๋อหลานหัวเราะเอ่ย
“เจ้าพูดถูก หากเขาไปแคว้นจิน ก็ต้องเอิกเกริกใหญ่โตแน่” หยวนชิงหลิงเอ่ย
เจ๋อหลานเสริมอีกประโยค “แล้วยังจะก่อให้เกิดการคาดเดาของคนตำแหน่งน้อยใหญ่แคว้นจินด้วยเพคะ”
หยวนชิงหลิงยื่นมือนวดเส้นผมของเจ๋อหลาน เอ่ยเสียงนุ่ม “ลูกรัก เจ้ามีความสุขไหม?”
“มีความสุขเพคะ หม่อมฉันมีความสุขเต็มที่มากทุกวัน” เจ๋อหลานหัวเราะอย่างซุกซน ข้อมือคล้องคอมารดา ขยับศีรษะเข้าใกล้อีกหน่อย “เสด็จแม่ หม่อมฉันอยากถามเรื่องหนึ่งเพคะ”
“ถามสิ” หยวนชิงหลิงกอดบุตรี ตามการเติบโตของเจ๋อหลานก็ยิ่งเหมือนนางเข้าไปทุกที
เจ๋อหลานเงยหน้า “ในช่วงที่เสด็จแม่อภิเษกกับเสด็จพ่อในหลายปีนี้ ทรงเคยใจเต้นกับชายอื่นหรือไม่เพคะ?”
“ไม่ ไยเจ้าจึงถามเช่นนี้?” หยวนชิงหลิงมองนาง “เจอเรื่องลำบากใจอะไรหรือ?”
เจ๋อหลานส่ายหน้า “ไม่เพคะ แค่ถามดูเท่านั้น สักคนก็ไม่มีเลยหรือเพคะ? เมืองหลวงมีบุรุษโดดเด่นมากมาย ทรงปักใจเพียงเสด็จพ่อองค์เดียวจริงหรือเพคะ?”
หยวนชิงหลิงจริงจังขึ้นมา “ลูกรัก คำพูดนี้เจ้าทำข้าตกใจแล้ว กับเสด็จพ่อเจ้าก็ต้องปักใจอยู่แล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน”
“เช่นนั้นกับเสด็จแม่ล่ะเพคะ? เสด็จพ่อไม่คิดจะเพิ่มนางสนมสักสองสามคนในวังหลังเลยหรือ?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง มองเจ๋อหลาน “ข้าคิดว่าไม่ ข้าเชื่อเขา”