บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1772 เราเรียกมันว่ารักแรกแย้ม
คำพูดเหล่านี้ของกุลธิดาทำเอาหยวนชิงหลิงตกใจจริงๆ
ดูท่านังหนูนี่ต้องมีเรื่องสับสนแน่ นางจึงแกล้งเอ่ยอย่างโมโห “ลูกรัก ทำไมคืนนี้เจ้าถึงถามเรื่องพวกนี้? เจ้าคงมิใช่พบว่าเสด็จพ่อเจ้ามีใครข้างนอกหรอกนะ? เช่นนั้นเจ้าต้องบอกข้า จะปิดบังข้าไม่ได้!”
“เปล่าเพคะ! ไม่มีเพคะ หม่อมฉันแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” เจ๋อหลานปัดมือหัวเราะเอ่ย
“ถามไปอย่างนั้น? ทำข้าตกใจจริงๆ นึกว่าเสด็จพ่อเจ้ามีอะไรข้างนอกเสียอีก”
“หากเสด็จพ่อมีอะไรข้างนอก ก็ต้องปิดเสด็จแม่ไม่ได้อยู่แล้วเพคะ” เจ๋อหลานดึงนาง “เสด็จแม่รีบบรรทมเถอะเพคะ”
หยวนชิงหลิงนอนลง ยื่นมือกอดนาง นิ่งงันพักหนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วเอ่ย “แต่ก่อนที่เสด็จพ่อเจ้าจะออกจากเมืองหลวง แปลกอยู่บ้างจริงๆ มีฎีกาตกรางวัลหลายอย่างให้กับหญิงนางหนึ่ง”
“จริงหรือเพคะ?!” เจ๋อหลานตกใจหนัก “หญิงที่ไหนเพคะ?”
“เจ้าไม่รู้จัก เป็นบุตรีขุนนางคนหนึ่ง เป็นหญิงมีความสามารถ ชื่อเสียงก็โด่งดัง” หยวนชิงหลิงเอ่ย
เจ๋อหลานก็ขมวดคิ้วด้วย “หรือเพราะขุนนางคนนั้นทำงานให้ราชสำนัก เสด็จพ่อจึงมีพระมหากรุณาธิคุณกับครอบครัวเขา ถึงได้ประทานรางวัล?”
“นั่นก็ไม่รู้แล้ว” หยวนชิงหลิงมองนาง เอ่ยถามอย่างกังวลเล็กน้อย “เจ๋อหลาน เจ้าว่าเสด็จพ่อเจ้าจะเปลี่ยนใจไหม?”
“ไม่แน่เพคะ เสด็จแม่อย่าทรงคิดฟุ้งซ่าน” เจ๋อหลายเอ่ยเป็นประกัน
ทว่าหยวนชิงหลิงยังคงขมวดคิ้ว “แต่…เห็นชัดว่าเจ้ารู้มาบางเรื่อง ไม่บอกข้า มิเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ถามเช่นนี้หรอก เสด็จพ่อเจ้าทรยศข้าจริงๆ ใช่ไหม? เขาบอกว่าจะไม่มีนางสนม ชาตินี้จะมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น”
หากเทียบความเจ้าเล่ห์แล้ว เห็นชัดว่าเจ๋อหลายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมารดา เป็นห่วงจนเสียแผน เห็นท่าทางมารดากังวลแล้ว นางก็เข้าพิงอยู่กับอ้อมอกมารดา เอ่ย “เสด็จแม่ ไม่มีเพคะ ที่จริงหม่อมฉันแค่อยากรู้ ผู้ชายคนหนึ่งให้คำมั่นไว้ในตอนหนุ่ม ที่จริงแล้วจะยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลงได้นานเท่าใด เสด็จแม่กับเสด็จพ่อถือเป็นคู่สามีภรรยาแบบอย่าง ฉะนั้นหม่อมฉันจึงอยากรู้ หลายปีที่ครองคู่กัน ทรงมีช่วงที่ใจเต้นกับผู้อื่นบ้างหรือไม่เพคะ?”
หยวนชิงหลิงแอบโล่งอก ดูท่าคงจะเพราะจิ่งเทียน
“ไม่ ข้าเชื่อว่าข้ากับเสด็จพ่อเจ้าไม่มี”
“เพคะ” เจ๋อหลานเข้าชิดอีกหน่อย เส้นผมสยายลงประหนึ่งนางฟ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงนุ่ม “ลูกรัก บางเรื่องคิดให้ลึกให้ยืดยาวได้ อย่างเช่นการพัฒนาบ้านเมือง การปกครองเมืองโร่ตู ล้วนแต่คิดให้ยาวออกไปอีกได้ แต่บางเรื่องก็คิดมากเกินไปไม่ได้ เพราะเมื่อคิดมากเกินไป ก็จะพลาดไปเพราะความกลัว อย่างเช่นเรื่องความรู้สึก สมมุติเจ้าชอบผู้ชายคนหนึ่ง พวกเจ้ามีใจให้กัน เช่นนั้นในขั้นตอนนี้ ก็ดื่มด่ำกับความรู้สึกใจเต้นนี้ให้มากได้ เพราะอายุเจ้ายังน้อย จะสัมผัสมากอีกขั้นไม่ได้ ยิ่งไม่จำเป็นต้องคิดให้ยาวเกินไป คิดมากเกินไป ความรู้สึกก็จะกลายเป็นการจับผิด ทุกการให้จะวัดด้วยตาชั่ง ดูสิว่าเท่าเทียมกันไหม แต่ข้าจะบอกเจ้า การมองเรื่องราว บางครั้งก็ไม่ใช่ดูแค่เขาทำอะไรเพื่อเจ้า แต่ต้องดูว่าเขาละทิ้ง ยืนหยัดอะไรเพื่อเจ้า”
นิ้วมือเจ๋อหลานม้วนเส้นผม พยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ
“ฉะนั้น” หยวนชิงหลิงลูบเส้นผมนาง แล้วใช้นิ้วสางให้เป็นครั้งๆ “เป็นเพราะฮ่องเต้จิ่งเทียนหรือ?”
“เขาจะเขียนจดหมายให้หม่อมฉันทุกสองสามวัน แต่กลับไม่ให้คำมั่นอะไรกับหม่อมฉันแล้ว” เจ๋อหลายเงยหน้ามองมารดา เอ่ยเสียงแผ่ว “ตั้งแต่หม่อมฉันมีประจำเดือน ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดเรื่องนี้เป็นประจำ พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แต่หม่อมฉันยินดีพบเขา ยินดีรับจดหมายของเขา ยินดีฟังเขาให้คำมั่นสัญญาบางเรื่องกับหม่อมฉัน เสด็จแม่ หม่อมฉันคิดเรื่องพวกนี้ในวัยนี้ เป็นเด็กไม่ดีหรือไม่เพคะ?”
หยวนชิงหลิงรู้เรื่องที่เจ๋อหลานมีประจำเดือน ระหว่างแม่ลูกติดต่อกันเสมอ
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “เด็กโง่ เจ้าก็ต้องไม่ใช่เด็กไม่ดีอยู่แล้ว สาวน้อยส่วนมากในปฐพีนี้ก็เป็นเหมือนดั่งเจ้าทั้งนั้น จู่ๆ ก็ใจเต้นกับผู้ชายที่โดดเด่นในวัยนี้ เราเรียกมันว่ารักแรกแย้ม”