บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1775 กลุ่มคนที่มั่นใจสุดขีด
ครั้นประพาสหัวเมืองเหล่านั้นแล้วก็แทบเหนือความคาดหมายของเขา หยู่เหวินเห้าภาคภูมิจากใจนัก และชมเชยลูกๆ อย่างเปิดเผยด้วย
กับลูกๆ เป็นการชมเชย แต่กับแม่ทัพใหญ่ฮู่เป็นการตกรางวัล ประทานบ้านและที่นา ให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่การทำงานให้ราชสำนัก แต่ผืนดินตนเองก็ยังต้องปกป้องรักษาไว้ด้วย
เมื่อก่อนแม่ทัพใหญ่ฮู่ยังมีความทะเยอทะยานที่ไร้ขีดจำกัด แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ความทะเยอทะยานนั้นก็ถูกชะล้างไปจนสิ้น เหลือเพียงความอาวรณ์ในแผ่นดินแว่นแคว้นอยู่เต็มอก
กอปรกับคนรุ่นใหม่ของตระกูลฮู่มีหลายคนที่ดำรงตำแหน่งในราชสำนัก แม้ตำแหน่งจะไม่สูง แต่ก็อยู่อย่างสงบสุขได้ตลอดชีวิต
บัดนี้แม่ทัพใหญ่ฮู่ก็เคารพนับถือหยู่เหวินเห้ามาก แค่สิบกว่าปีสั้นๆ ทั่วทั้งเป่ยถังราวกับกลับตาลปัตร
ทังหยวนกับข้าวเหนียวพาเสด็จพ่อและเสด็จแม่เดินอยู่ในเมือง ซื้อของ กินอาหาร ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นความปรองดองสงบสุข ช่วงเวลายุ่งงวด แม้จะได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทบ้าง แต่นี่ก็เป็นแสงสีทางโลก
ที่นี่มีสินค้าหัตถกรรมมากมาย ตุ๊กตาดินเผามีมากเป็นพิเศษ หยู่เหวินเห้ามอบตุ๊กตาให้หยวนชิงหลิงตัวหนึ่ง แล้วยังแกล้งหยอกว่าขอให้นางได้อุ้มหลานในเร็ววัน
หยวนชิงหลิงไม่อยากได้ อยากแต่ชกหน้าเขาเท่านั้น
แต่ไม่นานนางก็หาวิธีเอาคืนได้ “อุ้มหลานนอกหรือ?”
ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นหยู่เหวินเห้าอยากชกหน้านางบ้าง
แต่ไม่รอให้หยู่เหวินเห้าได้เอ่ย หยวนชิงหลิงก็ถุยๆๆ ไปหลายที ความคิดอะไร? พูดอะไรเนี่ย?
แต่หรงเยว่กลับเอ่ย “ก็เอาเถอะ ตอนนี้ก็หมั้นหมายเอาไว้ จี๋พิ่นแล้วก็ออกเรือนได้”
เมื่อนั้นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็อยากร่วมมือกันชกหรงเยว่
หรงเยว่ราวกับไม่รู้จักดูสีหน้า ยังหัวเราะเอ่ย “เจ๋อหลานออกเรือน ข้าที่เป็นเสด็จน้าต้องเตรียมทรัพย์สิน ให้นางมากๆ แน่”
เจ้าหกรีบดึงนางออกมา “อย่าพูดอีกเลย ได้ถูกตีตายแน่”
หรงเยว่เอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “เป็นพ่อแม่ก็เช่นนี้ สำออยอะไร? ลูกถึงวัยแล้วก็ต้องแต่งงาน ต้องออกเรือน มีชีวิตของพวกเขาเอง พ่อแม่ก็แค่ไปมาหาสู่เป็นบางครั้ง มีเวลาก็มาเยี่ยมสักหน่อย ตอนตายก็มาจัดงานศพ หรือว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต มีชีวิตเฝ้าพ่อแม่หรือ? นั่นสิถึงต้องเครียด ต้องเลี้ยงไปถึงเมื่อไรกัน?”
ต้องพูดเลยว่าหรงเยว่เข้าถึงสัจธรรมแห่งมนุษย์จริงๆ
แต่หยู่เหวินเห้าก็ยังตอบไปคำอย่างเคืองๆ “เช่นนั้นต่อไปพี่หญิงหยวนออกเรือนไปต้าโจวจริง เจ้าก็วางใจใช่ไหม? เจ้ายอม?”
หรงเยว่เอ่ย “มีอะไรให้ไม่ยอมกัน? ดีกับนางก็พอ เพราะที่นางจะอยู่ด้วยตลอดชีวิตมิใช่พ่อแม่ แต่เป็นสามี ข้าไม่อยาก แต่นางมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
ครั้นนางพูดจบยังหัวเราะหนักอีก “ข้าเองก็ออกเรือนไกล”
แล้วมองหยวนชิงหลิงอีก มองอยู่นาน “แม้เจ้าจะเป็นลูกสาวเจ้าพระยาจิ้ง แต่เจ้าก็ออกเรือนไกลเหมือนกัน”
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้ามองหน้ากัน กลับแย้งไม่ได้เสียนี่ นางออกเรือนไกลจริงๆ ไกลขนาดคนละมิติเวลา
“พี่หยวนถึงออกเรือนไกลที่ไหนกันเล่า?” อะซี่หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา แต่ก็หัวเราะอย่างมีชนักสุดๆ สามีนางเคยไป ตอนแรกไม่พูด ตอนหลังถึงเค้นถามมาได้นิดหน่อย
หรงเยว่ตบบ่าอะซี่ “อะซี่ ข้าชื่นชมความไร้เดียงสาเจ้านัก แต่ข้าขอรักษาสิทธิ์ในการเยาะเย้ยเจ้า”
ทังหยวนหลุดหัวเราะมาเสียงหนึ่ง “เสด็จน้าหกอย่าทรงมั่นพระทัยเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ ยามที่ทรงไร้เดียงสาก็มีอยู่ไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
มีช่วงหนึ่ง หรงเยว่ชอบทำบุญมาก เพราะเห็นจิ้งเหอรับเลี้ยงเด็กแล้วสบายใจอ่อนโยนขึ้นมาก นางรู้สึกว่าตนขาดความอ่อนโยนนี่แหละ ดังนั้นจึงเริ่มทำบุญเช่นกัน
แต่นางทำบุญก็เพียงแค่ควักเงิน ไม่ใช้เวลาทำความเข้าใจ ทำให้แม้เป็นถึงรองหัวหน้าของสำนักเหลิ่งหลัง กลับถูกพวกไม่ทำมาหากินหลอกไปหลายครั้ง
หรงเยว่หน้าบึ้งทันที “ทังหยวน เสด็จน้าหกเจ้าไม่เจอเจ้านาน อยากเอ็นดูให้มากสักหน่อย เจ้าอย่าให้ตัวเองต้องได้ ‘มากสักหน่อย’ จริงๆ แล้วกัน!”
“เสด็จน้าหกหม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่าตีหม่อมฉันเลย!” ทังหยวนหัวเราะยอมแพ้
“มีเสด็จอาหกอยู่ นางไม่กล้า” อ๋องหวยหลับมั่นใจเหลือเกิน
หรงเยว่ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “ออกมานี่ไม่รู้ว่าตัวเองแซ่อะไรแล้ว?”
อ๋องหวยจูงมือนาง “หือ? อยากชกข้าหรือ?”
ครั้นนัยน์ตาล้ำลึกจ้องไป หรงเยว่ก็ยอมแพ้ราบคาบ “ไม่เด็ดขาด!”