บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1776 ร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่ม
ตอนที่หรงเยว่ออกเรือนก็สาบานในใจแล้วว่าจะเชื่อฟังสามีตลอดชีวิต
มิใช่ว่าจะยอมเป็นสุนัขตามก้นในการครองเรือน แต่เพราะนางรู้ถึงพยัคฆ์ร้ายที่เก็บซ่อนอยู่ในใจตนดี และพยัคฆ์ร้ายตัวนี้ก็ใช่ว่าจะมีช่วงเวลาหวาน รู้แต่จะชนอย่างเดียว อหังการไม่สงบ
ส่วนเจ้าหกก็เป็นสุภาพบุรุษ ทัศนคติถูกต้อง เข้าใจเหตุผลละเอียด ควบคุมทุกเรื่องแต่พอดี ครอบครัวมีเขาเป็นผู้กุมหางเสือก็เหมาะที่สุด
หลังจากแต่งงานนางก็ค้นพบมากขึ้น อย่างเช่นความอ่อนโยน ความรักมั่นของเขา นางไม่อาจทัดทานทุกสิ่งได้ กระทั่งแววตาก็ยังทำให้หัวใจนางที่แต่งงานมาสิบกว่าปีต้องระส่ำ
ด้วยเช่นนี้ นางจึงเก็บพลังยุทธ์ไว้ ขอเพียงเขาไม่ทำเรื่องทรยศในความซื่อสัตย์ระหว่างสามีภรรยา พลังยุทธ์ของนางก็จะไม่พุ่งไปที่เขา เว้นเสียแต่การหยิกแกมหยอก
แน่นอนนางก็ไม่ได้หน้ามืดไปเสียทีเดียว นางเคยคิดเรื่องเลวร้ายทั้งหมด ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือเจ้าหกหักหลังนาง เช่นนั้นนางก็จะชกสมองเจ้าหกให้เละในหมัดเดียว แยกย้ายกัน ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ไปทั้งนั้น
ที่จริงอ๋องหวยไม่ค่อยได้รับประกันอะไรนัก วาจาหวานชื่นก็ไม่ได้เอ่ยนานแล้ว แค่เอ่ยนานปีมีหนก็ต้องทำจนหวานถึงทรวงใน ราวกับการโจมตีด้วยหัวใจเป็นดวงๆ
ถ้อยคำหวานพูดน้อย แต่เรื่องที่ใส่ใจกลับมาก ก็อย่างเช่นตั้งแต่แต่งงานจวบจนวันนี้ เวลาที่หรงเยว่มีระดูก็จะเจ็บท้อง ส่วนเขาก็สิบปีประหนึ่งวันแรก ต้มน้ำตาลแดงให้นางด้วยตัวเอง ถูเท้าให้เลือดลมเดิน
นิสัยพวกเขาทั้งสองคน ต่างกันคนละทิศละทาง แต่กลับปรองดองยิ่งกว่าสามีภรรยาคู่ไหนๆ
ส่วนหยู่เหวินเห้าขณะที่เดินชมหัวเมืองเหล่านั้นก็พบกับเรื่องหนึ่ง
นั่นคือหัวเมืองเหล่านั้นล้วนมีร้านขายข้าวที่ชื่อว่า ‘กินอิ้มอิ่ม’ เหมือนกันหมด
ร้านนี้ตั้งชื่อได้ปัญญาอ่อนมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือมีความทันสมัย
เขาประมวลผลคร่าวๆ ในห้าหัวเมืองนี้มีร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่มอยู่ทั้งหมดห้าสิบกว่าร้าน หรือก็คือหัวเมืองหนึ่งมีสิบร้าน แม้ไม่ถึงกับผูกขาดตลาดข้าวสารธัญพืช แต่อย่างน้องก็กินสัดส่วนมากทีเดียว อีกอย่างร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่มก็ใหญ่มาก การค้าดีมากเป็นพิเศษด้วย
เขาก็ดูมาแล้ว ราคาข้าวสารธัญพืชไม่ได้โก่งราคา แล้วยังถูกกว่าร้านอื่นอีกตั้น(*ประมาณ59.2กิโลกรัม) ละสิบอีแปะ
หนึ่งตั้นถูกสิบอีแปะ แต่ถ้าคิดเป็นจินก็ไม่ได้ถูกกว่าเท่าไร
เขาห่วงเล็กน้อย เพราะกินอิ้มอิ่มครองสัดส่วนตลาดสูงขนาดนี้ หากเกิดภาวะแล้ง เก็บเกี่ยวธัญพืชไม่ได้ แค่เขาร้านเดียวก็โก่งราคาธัญพืชห้าหัวเมืองได้แล้ว
ที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการขึ้นราคาธัญพืชและอาหาร ความปรารถนาโดยพื้นฐานของผู้เป็นราชา ก็คือหวังให้ประชาชนอิ่มท้อง
แต่หากขึ้นราคา ผลลัพธ์ก็คาดเดาได้
ปัญหาเช่นนี้ ทำไมทังหยวนกับข้าวเหนียวจึงมองไม่เห็น? จะประมาทไปแล้วกระมัง
ในคืนนั้นหยู่เหวินเห้าก็เรียกสองพี่น้องเข้าห้องหนังสือ ถามเรื่องร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่ม
ครั้นข้าวเหนียวได้ฟัง ก็หลุดหัวเราะออกมา เหลือบมองทังหยวน “พี่รอง ท่านจะพูดหรือให้ข้าพูด?”
ทังหยวนเอ่ย “ข้าพูดเอง”
หยู่เหวินเห้ามองสองพี่น้อง อือ ต้องมีอะไรแน่
ทังหยวนสารภาพ “เสด็จพ่อ ร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่มเป็นร้านที่หม่อมฉันแอบเปิดขึ้นเองพ่ะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันไม่ได้ออกหน้า จ้างผู้ดูแลหลักคนหนึ่ง ช่วยหม่อมฉันดูแลการค้าข้าวสารธัญพืชทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า?” หยู่เหวินเห้ามองประเมินเขา “ทำไมเจ้าถึงมีเงินทุนขนาดนี้ได้?”
ทังหยวนเอ่ย “ตั้งแต่หม่อมฉันจำความได้ก็มีนิสัยเก็บเงินแล้วพ่ะย่ะค่ะ อย่างปีใหม่ วันเทศกาล วันเกิดหม่อมฉันก็ได้ของขวัญกับของประทานมากมาย สิ่งเหล่านี้หม่อมฉันไม่ได้ส่งมอบให้เสด็จแม่ทั้งหมด เก็บไว้เองเป็นส่วนใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าตีหลังมือเขาทีหนึ่ง “เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นี่ ยังกล้าหลอกเสด็จแม่เจ้า ว่ามา ทำไมเจ้าต้องเปิดร้านขายข้าวด้วย?”
ทังหยวนเอ่ย “ตอนที่พวกหม่อมฉันมาที่นี่ ที่นี่วุ่นวายมากจริงๆ มีคนมาจากต่างแดนมากมาย ในนั้นยังมีคนที่มีใจมักใหญ่ใฝ่สูง และมีพวกสิบแปดมงกุฎ หัวใสมาก คนพวกนี้เอาเงินจำนวนหนึ่งมา จะทำการค้าที่นี่ แต่ตอนเริ่มต้นพวกเขาไม่ชอบทำการค้าถูกหลักทำนองคลองธรรม คิดแต่จะใช้เส้นสาย ได้เงินเร็วๆ การกักตุนอาหารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นหม่อมฉันจึงเปิดร้านขายข้าวกินอิ้มอิ่ม ต้องกินสัดส่วนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตลาด เป็นรายใหญ่ของร้านขายข้าว ต่อไปราคาข้าวสารธัญพืชของห้าหัวเมืองและเมืองเจียงเป่ยก็จะอ้างอิงจากหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”