บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1779 เขาต่างหากที่เป็นสุนัขตามก้น
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1779 เขาต่างหากที่เป็นสุนัขตามก้น
ขบวนคาราวานเริ่มเดินทางกลับ
ต้องกลับไปที่เมืองเจียงเป่ยก่อน พาอ๋องเว่ยที่ได้รับบาดเจ็บกับจิ้งเหอที่อยู่เป็นเพื่อนอ๋องเว่ยไปด้วย
หยู่เหวินเห้าคาดเดาในระหว่างทาง ไม่รู้ว่าพวกเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว? ชาตินี้เจ้าสามยังจะมีดวงดอกท้อไหม?
ครั้นถึงเมืองเจียงเป่ย เนื่องจากสวีอีกลับมาบอกข่าวการเดินทางก่อน พวกเขาจึงเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว อ๋องเว่ยแทบอยากกลับเสียประเดี๋ยวนี้
อาการบาดเจ็บเขาดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่ยังเดินเหินไม่ค่อยสะดวก
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาอย่างนั้นก็ปวดใจนัก เจ้าสามต้องไปเวียนประตูผีเพราะเขา
ดังนั้นเจ้าห้าจึงไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ยกของขึ้นรถม้าให้เขาด้วยตนเอง
หลายปีนี้ปักหลักอยู่ที่เมืองเจียงเป่ย แม้ไม่มีของดีอะไร แต่หากพบอะไรที่คิดว่าจิ้งเหอชอบ เขาก็จะซื้อไว้ เพียงแต่หลายปีนี้ไม่กล้าส่งไปเท่านั้น
ตอนนี้พอดีเลย ขนไปให้หมด แค่ต้องใช้รถม้าขนส่งเท่านั้น
ถึงอย่างไรก็ไปสถานที่สุดท้ายแล้ว ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงค่อยๆ เดินทางกับพวกเขาก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนควบม้ากลับ
ขณะพักระหว่างทาง หยวนชิงหลิงแบ่งความสนใจสังเกตอ๋องเว่ยกับจิ้งเหอ ระหว่างพวกเขาไม่มีประกายไฟอะไร เหมือนกับญาติสองคนที่สายใยไม่ขาดจากกันเท่านั้น ห่วงใยกันสักหน่อย แต่ไม่ค่อยได้สบตากัน
เจ้าห้าก็สังเกตเช่นกัน เขาเอ่ยกับหยวนชิงหลิง “ยังหวานแหววไม่เท่าหนึ่งส่วนของเราเลย”
“จะเปรียบเช่นนี้ก็ไม่ได้ อย่างเราเนี่ย หลักๆ เป็นเพราะมีคนหนึ่งหน้าด้าน” หยวนชิงหลิงหยอกล้อ
“ข้ารู้แล้ว!” หยู่เหวินเห้ามองนางแวบหนึ่ง “หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าด้านจะตามข้าให้ได้ ยอมเป็นสุนัขตามก้น เราก็คงไม่ได้หวานแหววกันเยี่ยงนี้ ที่รักษาความรักผัวเมียได้ดีเช่นนี้ ต้องขอบคุณสุนัขตามก้นตัวนี้จริงๆ เจ้าว่าจริงไหม?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “จริง! เจ้าพูดถูก!”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้าอย่างจริงจัง กอดนางอย่างเทพชั่วร้ายมหาโหด “คนที่เป็นสุนัขตามก้นคนนั้น น่าจะดีใจมีความสุขมาก ใช่ไหม?”
“ใช่ๆๆ!” หยวนชิงหลิงหัวเราะชอบใจ
ครั้นสวีอีมองมาก็หือไปเสียงหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปอีก หน้าไม่อาย กลางวันแสกๆ มาโอบๆ กอดๆ น่าดูที่ไหนกัน? อายุตั้งหลายสิบแล้ว ไม่รู้จักวางเนื้อวางตัว ยังมาทำหวานอะไรกันอีก?
สวีอีรู้สึกว่าฮ่องเต้กับฮองเฮาจะหวานแหววเกินไปหน่อยแล้ว ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นสักนิด เขายังไม่โอบกอดอะซี่ต่อหน้าธารกำนัลเลย
เขามองอะซี่ นางกำลังนั่งใต้ต้นไม้พัดมืออยู่ พวงแก้มแดงก่ำ แม้ผิวพรรณจะไม่ขาวยิ่งกว่าหิมะเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับมีอรรถรสอีกแบบ
เขาแอบย่องเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ นาง แล้วยื่นมือกอดนางสักหน่อย
เมื่อนั้นอะซี่ก็ผลักเขา “รู้ยางอายเสียบ้าง คนเยอะแยะขนาดนี้”
“ฝ่าบาทกับฮองเฮาก็เช่นนี้” สวีอีไม่พอใจเอ่ย
“เราไม่เลียนแบบพวกเขาไม่ได้หรือ?” อะซี่ชะโงกมองหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง เห็นเขายืนอยู่ด้วยกัน มือของฝ่าบาทแตะอยู่ที่บ่าของพี่หยวน กระซิบกระซาบ หน้าตาล้วนเป็นความชื่นมื่น
นางจึงซบศีรษะอยู่ที่บ่าของสวีอี ก็จริง ออกมาทั้งทีก็ควรผ่อนคลายเสียบ้าง
เมื่ออ๋องเว่ยกินอาหารแห้งเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจ้าห้ากอดหยวนชิงหลิง เจ้าสวีอีก็กอดภรรยาตัวเอง เขาถุยไปทีหนึ่ง แล้วมองจิ้งเหอที่อยู่ข้างลำธาร สองมือนางทิ้งตัวลงราวกับกำลังรอให้ใครไปจับ
เขาหยิบหมั่นโถวอันหนึ่งไปข้างตัวจิ้งเหอ “จะกินอีกสักอันไหม?”
จิ้งเหอส่ายหน้า “ไม่แล้ว ข้ากินแล้ว เจ้ากินเถอะ”
“ข้ากินทั้งอันไม่หมด ไม่เช่นนั้นเราก็กินคนละครึ่ง?” ว่าแล้วเขาก็บิดหมั่นโถวแล้วยื่นให้นางกึ่งหนึ่ง “แบ่งหวานร่วมขม”
จิ้งเหอมองหมั่นโถวที่เขายื่นมือ แต่ก็ยังรับไว้ “ได้!”
เมื่อนั้นใบหน้าดำเมี่ยมของอ๋องเว่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิงฟันขาวสะอาด
หยู่เหวินเห้ามองไป กระซิบกับหยวนชิงหลิง “เขานั่นแหละที่เป็นสุนัขตามก้น”