บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1781 ต่างแสดงออกถึงความไม่เชื่อใจ
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1781 ต่างแสดงออกถึงความไม่เชื่อใจ
การเดินทางที่เหน็ดเหนื่อย หยู่เหวินเห้าไม่อยากกลับวังเร็วขนาดนี้ พาขบวนเคลื่อนย้ายเรือแล้วไปดื่มเหล้าที่จวนท่านชายสี่
ระหว่างนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องที่ทังหยวนเปิดร้านขายข้าว
เดิมคิดว่าท่านชายสี่จะตกตะลึง กลับคิดไม่ถึง ท่านชายสี่ถือแก้วเหล้าพร้อมพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า “รู้แต่แรกแล้ว ตั้งแต่เขาเปิดร้านขายข้าวร้านแรก ข้าก็รู้แล้ว อีกอย่าง ยังสอนเขาว่าทำยังไงถึงสามารถบุกตลาดได้ในเวลาอันสั้น”
“เจ้ารู้แต่แรกแล้ว? ทำไมไม่บอกข้า” หยู่เหวินเห้าตกตะลึง
“เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศไปทั่ว ถ้าเขารู้ จะคิดว่าตนเองทำอะไรสำเร็จใหญ่โต” ท่านชายสี่พูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าอึ้ง หือ นี่กำลังด่าเขาหรือ หาว่าเขาจะกลับมาป่าวประกาศ
จึงรีบตอบกลับทันทีว่า “เจ้าไม่เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ลูกชายของตนเองประสบความสำเร็จ ก็อยากที่จะป่าวประกาศให้โลกรู้”
“ชิ” ท่านชายสี่พูดขึ้นอย่างดูแคลนว่า “ต่อให้เขาประสบความสำเร็จแค่ไหน ต่อไปก็ต้องรับช่วงต่อจากข้า”
“นั่นไม่เหมือนกัน หากข้าบอกว่าไม่ เขาก็รับช่วงต่อไม่ได้” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
หยวนชิงหลิงเหลือบมองดู ผู้ชายช่างหน่อมแน้มจริงๆ เรื่องเท่าตากุ้งยิง แต่ปากก็จะต้องเถียงกันให้ได้
พวกผู้หญิงคุยกันจะค่อนข้างอ่อนโยนกว่ามาก ต่างพูดชื่นชมซึ่งกันและกันก่อน
หลังจากพูดชื่นชมกันแล้ว หยวนชิงหลิงคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องที่ท่านชายสี่ดูไม่แก่
นางหันไปมอง ภายใต้แสงอันนุ่มนวลนี้ ผิวของท่านชายสี่ดูดีขึ้นกว่าเดิม นี่ก็เข้าฤดูร้อนแล้ว ตามหลักแล้วควรจะมีผิวสีแทนสิ ทำไมผิวกลับดูดีกว่าเดิม?
อีกอย่าง ตรงหางตาของเขาก็ไม่มีริ้วรอยอะไรเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวแลดูภูมิฐานอย่างไม่แก่
หันมามองดูเจ้าหญิง เดิมเจ้าหญิงอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับดูไม่ต่างกัน หากไม่ใช่เพราะท่าทีภูมิฐานสุขุมของท่านชายสี่ เกรงว่าจะแลดูหนุ่มกว่าเจ้าหญิงเสียอีก
“ฮองเฮา เจ้าดูอะไรหรือ?” หรงเยว่เห็นนางจ้องมองดูทางด้านโต๊ะผู้ชาย จึงถามขึ้น
หยวนชิงหลิงหันกลับมาพูดว่า “ไม่มีอะไร ฟังพวกเขาทะเลาะกัน น่าขำมาก”
“ไร้สาระ” หรงเยว่เม้นปาก หันไปมองแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับมา
แต่นางก็หันกลับไปมองอีกอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองใบหน้าของทุกคน แล้วค่อยๆประกายแววแห่งความสงสัย
หรงเยว่ถามขึ้นว่า “รู้สึกไหมว่าฮ่องเต้กับท่านชายสี่ เหมือนไม่ใช่รุ่นเดียวกันกับพวกเขา? ทำไมถึงแลดูอายุน้อยขนาดนี้? ทำไมพี่สามถึงแลดูแก่ขนาดนั้น?”
ปกติพวกเขานั่งดื่มเหล้าคุยอยู่ด้วยกัน พวกผู้หญิงมักจะไม่อยู่ด้วย จะพากันไปคุยเรื่องเฉพาะผู้หญิงกันที่อื่น
แต่วันนี้นั่งอยู่ด้วยกันในห้องโถงขนาดใหญ่ พวกเขาก็นั่งอยู่ด้วยกัน ความสูงของใบหน้าแทบจะเหมือนกัน แค่มองแวบเดียวก็เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อหรงเยว่พูดขึ้นมาเช่นนี้ ทุกคนต่างหันมามอง อะซี่พูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “สวีอีของข้าก็แลดูแก่ จอนด้านข้างขาวหลายเส้นแล้ว แต่ว่าฮ่องเต้ดูไม่แก่จริงๆ ข้าสังเกตเห็นตั้งแต่อยู่ในวังแล้ว”
“น่าแปลกมาก แม้แต่เจ้าหกของข้าก็ดูแก่กว่าท่านชายสี่” หรงเยว่พึมพำ ปกติเจ้าหกของนางก็ไม่ได้ทำงานหนักอะไร ไม่ถูกลมไม่ตากฝน ท่านชายสี่ยังไปตรวจตราลาดตระเวนตามที่ต่างๆอยู่บ้างเลย
เดิมเจ้าหญิงได้ยินเช่นนี้แล้วก็ดีใจอย่างมาก มองดูผู้ชายของตนเอง ยังไงก็หล่อ
แต่แล้วก็ต้องหน้าชา เมื่อหรงเยว่พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “อีกอย่าง ท่านชายสี่ดูอายุน้อยกว่าเจ้าหญิงเสียอีก”
เจ้าหญิงรีบยกมือลูบใบหน้าของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือ”
“เจ้าไม่ได้ดูแก่ รูปร่างหน้าตาของเจ้า เหมาะสมกับอายุของเจ้าแล้ว แต่เทียบกับท่านชายสี่ เจ้าแลดูแก่กว่านิดหนึ่ง” หรงเยว่พูดขึ้น
พวกนางคุยกันเสียงไม่เบา พวกผู้ชายต่างได้ยินอยู่แล้ว
ทุกคนต่างมองดูหยู่เหวินเห้ากับท่านชายสี่ จ้องมองใบหน้าของพวกเขา หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีการถูกทำร้ายจริงๆ
“พวกเจ้าทานยาอะไรเข้าไปหรือ?” สวีอีถามขึ้น
“จิตใจคิดว่าหนุ่ม ก็จะแลดูหนุ่มเอง” หยู่เหวินเห้ากับท่านชายสี่พูดออกมาพร้อมกัน
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าไม่เชื่อ
แม้กระทั่งท่านชายสี่กับหยู่เหวินเห้า ต่างก็แสดงแววตาไม่เชื่อถือซึ่งกันและกัน