บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1790 กลับไปยุคปัจจุบัน รอสอบเข้ามหาลัย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1790 กลับไปยุคปัจจุบัน รอสอบเข้ามหาลัย
เจ้าหั่วเจี้ยนน้อย อายุครบสองเดือน หมาป่าตัวผู้ น้ำหนักสิบโล สายเลือดตาสีฟ้า สี่เท้าแตะหิมะ มีหนึ่งข้างบาดเจ็บ เป็นเพราะเมื่อตอนที่วิ่งไปติดอยู่ที่หิน แล้วดึงดันอุ้มออกมาจนได้รับบาดเจ็บ
ท่านชายสี่จัดงานฉลองครบเดียวให้มัน ครบสองเดือนก็ถือเป็นว่าครบเดือน เรียนเชิญเพื่อนสนิทมิตรสหายมารอบฉลอง
อีกอย่าง ทางด้านโรงทานข้าวต้ม เปิดให้บริการถึงสามวัน ประชาชนสามารถหมุนเวียนกันไปทาน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ทานข้าวต้ม แต่ละโต๊ะมีกับข้าวมากกว่าสิบอย่าง เลิศรสอย่างมาก
ถึงแม้ว่า หมาป่าหิมะจะมีเพียงตัวเดียว แต่เมื่อมีการเริ่มต้น มีตัวแรกแล้ว ก็จะมีตัวที่สอง ตัวที่สามตามมา
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าในที่สุดท่านชายสี่ก็ได้ครอบครองหมาป่าหิมะ ยังจัดงานเลี้ยงตอนรับให้กว่าร้อยโต๊ะ ก็ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่าสิ้นเปลือง เงินพวกนี้บริจาคออกไปไม่ดีกว่าหรือ?
แต่หยวนชิงหลิงยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “จัดงานเลี้ยงในโรงทานข้าวต้ม ก็ถือเป็นการบริจาคแล้ว ยังไง ครอบครัวที่พอมีฐานะ ไม่มีใครไปกินงานเลี้ยงครบเดือนของหมาป่าหิมะหรอก ล้วนมีแต่คนที่ขัดสน”
“พูดได้มีเหตุผล งั้นเราก็ไม่ไปแล้ว” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างหยิ่งผยองว่า “เราก็เป็นครอบครัวที่พอมีฐานะ ไม่ไป”
“เจ้าไม่ไปไม่ดีมั้ง?” หยวนชิงหลิงมองดูบัตรเชิญ พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาเชิญเราไปทานข้าวที่จวน อีกอย่าง ยังเชิญเหล่าขุนนางไปด้วย คาดว่าทุกคนคงไปกัน”
“จะมีคนไปทานงานเลี้ยงหมาป่าหิมะครบเดือนจริงๆหรือ? จะให้ของขวัญอะไรดี? เอากระดูกไปหรือ?” หยู่เหวินเห้าเห็นว่าเขาเอาเรื่องเล็กสร้างเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่หมาป่าหิมะไม่ใช่หรือ? บ้านเขาก็มีเยอะแยะ
เพื่อความรอบคอบ หยู่เหวินเห้าให้สวีอีไปถามพวกอ๋องชินกับใต้เท้าเหลิ่งกู้ซือว่าไปกันไหม
เมื่อสวีอีไปถามกลับมา ทุกคนต่างบอกว่ามีงานยุ่ง คาดว่าคงไปร่วมงานครบเดือนนี้ไม่ได้
“ล้วนมีธุระ? ธุระอะไร?” หยู่เหวินเห้าอึ้งไปสักพัก แล้วถามขึ้นมา
“ต่างบอกว่าไม่สบาย หมอไม่ให้ดื่มเหล้า ต้องทานอาหารรสจืดหลายวัน”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกได้ถึงความอันตราย ดีที่ให้สวีอีไปถามก่อน ไม่อย่างนั้นทุกคนต่างก็ไม่ไป มีเขาไปคนเดียว จะน่าอับอายแค่ไหน
เขาพูดกับสวีอีว่า “เจ้ากลับแจ้งว่า ข้าก็สุขภาพไม่ดี ฮองเฮาไม่ให้ดื่มเหล้า ต้องทานอาหารรสจืดหลายวัน”
สวีอีรับคำสั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้เลย กระหม่อมก็ไม่ไป อะซี่บอกว่าต่อไปคงจะยังมีเหล้าครบสามเดือน ครบสี่เดือนอีก หากไม่มีใครไป เขาก็คงจะไม่จัดแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเห็นว่าคำพูดของอะซี่ช่างเป็นการมองการณ์ไกลจริงๆ ท่านชายสี่จะทำแบบนั้นแนะ
ให้เขาจัดไม่สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ต่อไปก็จะไม่จัดอีก
สุดท้าย คืนนั้นทุกคนต่างก็ไม่ไป ส่งสวีอีไปแอบดู คิดว่าคงจะเงียบเหงา
สุดท้าย หลังจากสวีอีไปกลับมาแล้ว บอกว่าทางด้านจวนเหลิ่งครึกครื้นอย่างมาก สำนักเหลิ่งหลังกับพวกคนเฒ่าจวนอ๋องซู่มาร่วมฉลอง ที่นั่งเต็มหมด ต่อให้พวกเขาไป ก็น่าจะไม่มีที่ว่าง ต้องไปนั่งทานที่โรงทานข้าวต้มกับทุกคน
หยู่เหวินเห้าคิดใคร่ครวญอย่างแยบยลแล้ว กลับลืมพวกคนเฒ่าที่เห็นแก่กินในจวนอ๋องซู่กับสำนักเหลิ่งหลัง ท่านชายสี่เป็นเจ้าสำนักเหลิ่งหลัง และเป็นเจ้านายของพวกเขา ยังไงก็ต้องให้เกียรติ
แต่หยู่เหวินเห้าก็มีงานยุ่งจริงๆ เขาต้องเตรียมของเดินทางกลับไปที่ยุคปัจจุบันแล้ว พวกลูกๆกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องไปก่อนล่วงหน้า อยู่เป็นเพื่อนก็ดีให้กำลังใจก็ดี ยังไงพ่อแม่ก็ควรอยู่ด้วย
เจ้าหยวนบอกว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้สำคัญมาก เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต เทียบได้กับการสอบคัดเลือกขุนนาง
ถึงแม้ปกติเขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับพวกลูกๆ แต่เรื่องใหญ่ยังไงก็ต้องไปอยู่ด้วย
เรื่องนี้ ได้คุยกับใต้เท้าเหลิ่งไว้แล้วเมื่อสองวันก่อน ว่าตนเองจะไม่อยู่สักพัก ให้ใต้เท้าเหลิ่งดูแลราชสำนัก
เจ้าห้าที่เป็นฮ่องเต้ เป็นมาแล้วหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดตอนนี้ก็ค่อยสบายขึ้นมาบ้าง
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ไม่รอให้ท่านชายสี่เข้าวังมาถามในอีกวันว่าทำไมถึงไม่มากินเหล้าฉลองครบเดือน ก็ควบม้ามุ่งหน้าไปยังทะเลสาบจิ้ง กลับบ้านแม่ยายไปก่อนแล้ว
แต่ว่า เขาก็ดูท่านชายสี่ผิดไป ตอนนี้เขาจมอยู่ในความปิติยินดีที่ได้ครอบครองหมาป่าหิมะ จะสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กับเขาเสียที่ไหน?
ครบสองเดือนไม่มา ครบสามเดือนไม่มา ครบปียังไงก็ต้องมาอยู่มั้ง?