บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1795 วางแผน
อ๋องอานยืดเอวตรง สายตาไม่เหลียวแล พูดชมเหมือนอย่างไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นว่า “หลานชาย ฝีมือการต่อสู้ยอดเยี่ยม อนาคตไม่มีขีดจำกัด”
หนิงหงเจาได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านลุงมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ฝีมือการต่อสู้สูงส่ง หลานชายนับถือยิ่งนัก”
“เจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ”
“ท่านองอาจชาญชัย”
“เจ้า..อืม เวลาก็ไม่เช้าแล้ว พระชายา เตรียมห้องพักให้กับท่านหนิงและหลานหนิงด้วย อย่าละเลยแขกของเรา งั้นท่านหนิง ข้าขอตัวก่อน วันหลังเราค่อยมาดื่มเหล้าด้วยกันอีก” อ๋องอานพูดเสร็จ เอามือข้างหนึ่งไว้ข้างหลังแล้วก็เดินเชิดตัวตรงไปยังลานข้างหลังบ้านอย่างเชื่องช้า
พระชายาอานไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ช่วยเขาเก็บสิ่งของที่ปรักหักพัง พูดปลอบพวกคนใช้สักพัก แล้วค่อยตามไปหาเขา
สุดท้ายเมื่อเข้าประตูห้องมา ก็ถูกอ๋องอานดึงไปด้านหลัง
เห็นเขาถอดเสื้อตัวนอกที่เปื้อนออกแล้ว ยื่นหัวออกไปดูด้านนอกอย่างระมัดระวัง พร้อมพูดขึ้นว่า “เหยียนเอ๋อ พวกเขาไปกันแล้วใช่ไหม? ไม่มีใครตามมาแล้วใช่ไหม?”
“ไปกันหมดแล้ว ไปจากจวนแล้วด้วย พวกเขาจองห้องพักไว้ที่ภัตตาคารเค่อหลาย บอกว่าช่วงนี้จะอยู่เมืองเจียงเป่ยสักระยะ นี่เจ้า…”
นางยังพูดไม่ทันเสร็จ ก็เห็นอ๋องอาน “ปัง” ปิดประตู แล้วก็ยิ้มดึงลากนางไปนั่งที่ด้านข้างเตียงในห้องข้างใน
“งั้นรีบมา ใส่ยาให้ข้า”
พูดเสร็จ อ๋องอานก็แกะเสื้อด้านในของตนเอง เผยให้เห็นรอยสีเขียวดำกว้างตรงรอบเอว
“นี่เจ้า บาดเจ็บหนักขนาดนี้” พระชายาอานรีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะไปตามหรอ”
“ห้ามไป”
อ๋องอานดึงนางกลับมาพร้อมพูดขึ้นว่า “เพิ่งประลองกับเจ้าคนหนุ่ม ข้าก็ตามหมอมา เป็นที่เลื่องลือออกไป เจ้าสามไม่หัวเราะเยาะข้าแยะหรือ”
“อีกอย่างข้าก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เจ็บเลยสักนิด พักผ่อนสองวันก็หายแล้ว”
“แต่นี่ดูแล้ว ค่อนข้างอาการหนักมากเลยนะ” พระชายาอานแค่จับดูเบาๆ เขาก็ขมวดคิ้วแล้ว
เขายืดเอวตรง พร้อมพูดขึ้นอย่างอวดดีว่า “นี่เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอก เจ้าเด็กนั่นบาดเจ็บภายในหนักกว่าข้า หากไม่ใช่เพราะกระเบื้องแผ่นนั้นลื่น จนส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของข้า ข้าจะไม่บาดเจ็บเลยสักนิด”
“แน่นอน ใครจะแข็งแกร่งเท่าท่านอ๋องของเราล่ะ” พระชายาอานก้มหน้าก้มตา ช่วยทายาให้เขาทีละนิดพร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ยังไงพวกเราก็อายุพอสมควรแล้ว ทดลองคนหนุ่ม ก็ให้พวกคนหนุ่มไปจัดการเองเถอะ”
อ๋องอานฟังแล้ว กำลังอยากพูดคัดค้าน
แต่เหยียนเอ๋อเอื้อมมือโอบกอดเขาจากด้านหลัง ใบหน้าแนบชิดแผ่นหลังของเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “หยู่เหวินอัน ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างหวาดหวั่นอีกต่อไปแล้ว เจ้าสามหนีรอดมาจากความตายในครั้งนั้น ทำให้ข้ากลัวอย่างมาก ข้ากับเจ้าเพิ่งได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขสิบกว่าปีเอง พวกเรายังจะมีชีวิตอีกยาวไกล แต่ข้าไม่อยากให้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรเกิดขึ้นอีก เรื่องเลือกลูกเขย ให้อานจือไปเลือกเองตัดสินใจเองเถอะ นางโตเป็นสาวแล้ว ตอนนั้นตอนที่ข้าแต่งงานกับเจ้า อายุยังไม่โตเท่านางในตอนนี้เลย ดีไหม?”
เงียบไปสักพัก
เนิ่นนาน อ๋องอานค่อยตอบว่า “ฟังเจ้าก็ได้”
สามพี่น้องทางด้านนี้ ไม่รู้เรื่องภายในห้องของผู้ใหญ่
“น้องชาย เขาสู้กับท่านลุงสี่จนหลังคาทะลุจริงหรือ?” เจ๋อหลานถามขึ้น
เหลิ่งหมิงหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เปล่าหรอก ท่านอ๋องร้อนใจเกินไป จึงทำให้พลาดท่า หลังจากหนิงหงเจาหลบไปแล้วอยากจะกลับมาช่วยเขา สุดท้ายกลับถูกเขาลากเอามาเป็นที่รอง”
“งั้นเขาได้รับบาดเจ็บไหม” หัวใจของอานจือแทบหลุดออกมา
เหลิ่งหมิงหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูแล้วไม่เหมือนได้รับบาดเจ็บ”
“งั้นพ่อของข้าล่ะ?”
“น่าจะได้รับบาดเจ็บ ตอนที่ท่านอ๋องเดิน ดูเกร็งไปทั้งตัว ฝีเท้าก็ไม่มั่นคง น่าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”
อานจือกับเจ๋อหลานมองตากัน ทั้งสองเห็นแววตาที่อดไม่ได้ในสายตาของกันและกัน
คนที่ถูกดึงไปเป็นที่รองไม่เป็นไร คนที่ดึงไปเป็นที่รองกลับได้รับบาดเจ็บ แบบนี้ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“พี่สาว ข้าไปเปลี่ยนพวกนี้ออกได้แล้วหรือยัง?” เหลิ่งหมิงหยู่ดึงกระโปรงสีชมพูบนกายและวิกผมบนหัว ที่แท้เมื่อกี้เขาเป็นหนึ่งในสาวใช้ที่คอยรินเหล้า
เจ๋อหลานมองดูท่าทีแบบนี้ของเขา แล้วก็แอบหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเปลี่ยนเถอะ”
เดิมอานจืออยากไปเยี่ยมพ่อของนาง แต่เมื่อคิดได้ว่าสิ่งท่านแม่อยู่ ยังไงท่านแม่ก็จะต้องตำหนิท่านพ่อแน่ ไปตอนนี้กลับจะเป็นการรบกวนพวกเขา
จึงนั่งลงพูดคุยกับเจ๋อหลานเรื่องหนิงหงเจาคนนั้นต่อ
“แบบนี้ แสดงว่า หนิงหงเจาคนนั้นรูปลักษณ์สง่างาม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊จริงๆ” เจ๋อหลานพูดชม
อานจือก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างรอคอยว่า “แต่ไม่เคยเห็นกับตา ไม่รู้ว่าตัวจริงเป็นยังไง”
เจ๋อหลานพูดขึ้นว่า “งั้นพวกเราก็ไปดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ? เมื่อกี้น้องชายก็บอกแล้ว คุณชายหนิงคนนั้น จะยังอยู่เมืองเจียงเป่ยสักระยะหนึ่ง พวกเราสามารถแอบไปดูเขาได้พอดี จะได้ดูอุปนิสัยใจคอด้วย”
สายตาอานจือเป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “งั้นพวกเราต้องวางแผนให้ดีก่อน”
จะให้ท่านพ่อกับท่านแม่รู้เรื่องไม่ได้