บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1796 หน้าตาเป็นเรื่องรอง
หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว จู่ๆอ๋องอานก็มีเวลาว่างมาก วันทั้งวันหากไม่เด็ดดอกไม้ถอนหญ้าเป็นเพื่อนพระชายา ก็เล่นหมากรุกวาดๆภาพ หรือโอบกอดพระชายาคุมคนงานซ่อมหลังคา จนเป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง
พระชายาของเขาพูดถูก ลูกหลานก็มีบุญบารมีของลูกหลาน อานจือมีความคิดเป็นของตนเองมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ สิ่งที่สามารถทำให้นางได้ ก็คือการคอยหนุนอยู่ข้างหลังของนาง เป็นที่พึ่งพิงที่ดีของนาง ให้การสนับสนุนการตัดสินใจของนาง
ยังไงสินสอดของตระกูลหนิงก็คืนไปก่อนแล้ว หากอานจือยอมแต่ง ก็ให้อีกฝ่ายมาสู่ขออีกครั้งก็พอ ในความจริงใจนี้ อีกฝ่ายก็ต้องมี
ดังนั้น การกระทำของอานจือกับเจ๋อหลาน เขาจึงทำเป็นไม่รู้ หันไปโอบกอดพระชายา คุมคนงานต่อไป
“ฮู อันตรายจริงๆ เมื่อกี้พ่อของข้าหันมามองพอดี ข้ายังนึกว่าจะถูกเขาจับได้เสียแล้ว” หลังจากที่อานจือออกมาจากประตูด้านหลังแล้ว ค่อยถอนหายใจโล่งอก
เจ๋อหลานหัวเราะ ช่วยจัดผมให้นางพร้อมพูดขึ้นว่า “ในสายตาท่านลุงสี่ในตอนนี้ ยังมีเจ้าหรือ”
“ใช่ ในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงท่านแม่ของข้า” อานจือก็หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าคิดมาตั้งแต่เด็ก รอเมื่อโตแล้ว ก็จะแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนดั่งพ่อของข้า”
เจ๋อหลานพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนท่านลุงสี่แบบนี้ก็ดี”
เหลิ่งหมิงหยู่ที่อยู่ด้านข้างฟังแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างค่อนข้างไม่เข้าใจว่า “แต่ท่านอ๋องดุมากนะ”
บนโต๊ะอาหารวันนั้น ท่าทีของอ๋องอาน แทบจะจ้องหนิงหงเจาคนนั้นจนทะลุ
อานจือยิ่งหัวเราะเริงร่า พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อของข้าไม่เคยดุข้ากับท่านแม่”
“นี่ก็ถูก” เหลิ่งหมิงหยู่เห็นด้วย
“เวลาก็พอสมควรแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ” เจ๋อหลานมองดูท้องฟ้าแวบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “น้องสาม จำไว้นะ นับตั้งแต่ตอนนี้ไปต้องเรียกพวกเราว่าพี่ชาย”
เพื่อปิดบังสถานะ ตอนนี้นางกับอานจือ แต่งตัวเป็นผู้ชาย แล้วจะถูกจับได้เพราะน้องชายไม่ได้
“ได้” เหลิ่งหมิงหยู่พยักหัวอย่างว่าง่าย
แต่เมื่อดูจากความสูงแล้ว อานจือตัวสูงที่สุด เจ๋อหลานตัวเล็กที่สุด เจ๋อหลานกลับเหมือนน้องชายคนที่สามมากกว่า
จากข่าวที่พวกเขาได้มาว่าหลายวันนี้ ช่วงบ่ายหนิงหงเจาคนนั้นจะไปดื่มชาที่ศาลาใจกลางทะเลสาบ
ศาลาใจกลางทะเลสาบห่างจากจวนอ๋องอานไม่ไกลมาก ทั้งสามคนเดินมาสักพักก็ถึงแล้ว
แต่พวกเขาไม่ได้ตรงเข้าไปที่ศาลาใจกลางทะเลสาบ แต่ไปยังโรงน้ำชาตรงข้าม ขึ้นไปบนชั้นสองห้องพิเศษ บานประตูหน้าต่างหันไปทางหูซินพอดี
“อยู่นั่น” เจ๋อหลานชี้ไปที่ผู้ชายหล่อเหลาตรงข้าม
เขาก็อยู่ห้องพิเศษบนชั้นสอง และเปิดหน้าต่างไว้กว้าง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้างในมีเขาเพียงคนเดียว ดื่มชาไปด้วย ฟังนักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาไปด้วย
อานจือมองไปตามที่นางชี้ มองดูเพียงแวบเดียว แล้วก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะเคยได้ยินมาแล้วว่า คุณชายหนิงมีรูปงาม แต่นางคิดไม่ถึงว่า จะแตกต่างกับพ่อของนางที่ตัวคล้ำ ผ่านการฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาตั้งแต่เด็กอย่างสิ้นเชิง รูปงามปากแดงฟันขาว หล่ออย่างมาก ถึงแม้จะได้เห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง
“พี่สาว เจ้าหน้าแดงแล้ว” เจ๋อหลานเอามือเท้าคาง มองดูนางอย่างยิ้มแย้ม
“อ๋า? จริงหรือ?” อานจือรีบยกมือลูบใบหน้าของตน สักพักค่อยรู้ตัวว่าถูกเจ๋อหลานหยอกล้อจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าคนเจ้าเล่ห์ ระวังข้าจะตีเจ้า
เจ๋อหลานแลบลิ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นที รูปร่างหน้าตาของคุณชายหนิงถือว่าผ่านแล้ว”
อานจือหันหน้าไปพร้อมพูดขึ้นว่า “หน้าตาเป็นเรื่องรอง อุปนิสัยต่างหากที่สำคัญที่สุด”
“พี่สาวพูดถูก งั้นเราลองดูเขาก่อน” เจ๋อหลานพยักหัว กวักมือเรียกเหลิ่งหมิงหยู่มา พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องชาย เจ้าลงไปข้างล่าง หาคน….”
“ได้” ได้รับมอบหมายงานแล้ว เหลิ่งหมิงหยู่ก็หอบดาบวิ่งออกไป
อานจือยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มือทั้งคู่จับขอบหน้าต่างไว้แน่น หันไปมองทางด้านหนิงหงเจา อย่างค่อนข้างตื่นเต้น
หวังว่าคุณชายหนิงคนนี้ จะไม่ทำให้นางผิดหวัง