บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1799 ไม่ได้
ได้ยินเจ๋อหลานพูดชมหนิงหงเจาคนนั้น อานจือก็พยักหัว แต่แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ยังไงก็เป็นถึงจอหงวน เรื่องเล็กน้อยของพวกเราแค่นี้ สำหรับเขาถือเป็นเพียงการสอนจระเข้ว่ายน้ำ”
“ก็ถูก” เจ๋อหลานพยักหัว จอหงวนที่จิ่งเทียนเลือก มีความสามารถไอคิวสูงพอสมควร เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวล
เหลิ่งหมิงหยู่วางถ้วยชาลงเงียบๆ ไม่กล้าพูดเข้าเรื่องกับพวกพี่สาว ความเห็นใจที่มีให้กับคุณชายหนิงยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนทดสอบพวกพี่สาวยังพูดเป็นกังวล กลัวว่าจะยากไปสำหรับคนอื่น ตอนนี้คนอื่นผ่านแล้ว ก็พูดว่าสำหรับคนที่เป็นถึงจอหงวนนั้น ถือเป็นเรื่องง่าย โลกของพวกผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนจริงๆ
อานจือค่อยๆมองกลับมา ปิดหน้าต่าง พร้อมลุกขึ้นพูดขึ้นว่า “เวลาไม่เช้าแล้ว น้องสาว น้องชาย เรากลับจวนเถอะ”
เห็นฝีเท้าของนางไวยิ่งกว่าตอนที่ออกมา เจ๋อหลานจึงยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ดี”
สามพี่น้องเดินลงมาอย่างรวดเร็ว
รู้สึกได้ว่าสายตาที่จ้องมองตนเองอยู่ตลอดหายไปแล้ว หนิงหงเจาวางแก้วลง มองดูขอทานน้อยทั้งสองคนตรงหน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “มู่โถว ให้เงินพวกเขายี่สิบตำลึง”
มู่โถวเอาเงินออกมาวางไว้ตรงหน้าขอทานทั้งสองคน แต่พวกเขากลับไม่รับ
เด็กคนเดิมที่ขายผลไม้แห้งปะปนกับหินก้มหัวคำนับ ต้องพูดขึ้นว่า “ผู้มีพระคุณ ข้าน้อยขอร้องท่าน ให้ข้าน้อยกับน้องชายคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายท่าน พวกเราอดทนต่อความยากลำบากได้ งานอะไรก็สามารถทำได้ ขอให้มีข้าวกินไม่หิวตายก็พอ”
“เกินไปแล้ว เกินไปมากแล้ว คุณชายใจดีให้ข้าไปช่วยพวกเจ้า พวกเจ้ากลับจะมาแย่งงานของข้าหรือ?” สีหน้ามู่โถวเยือกเย็น ชักดาบออกจากฝัก แล้วก็ขวางอยู่ตรงหน้าพวกขอทานน้อย จนพวกเขาตกใจม้วนตัวกลม
“มู่โถว” หนิงหงเจายกมือ แล้วเก็บดาบเขาของเขากลับเข้าไป
เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “คนข้างกายของข้าเพียงพอแล้ว พวกเจ้าเอาเงินพวกนี้ ไปทำการค้าขายเลี้ยงชีพ สามารถทำได้แค่ไหน ก็แล้วแต่โชคชะตาของพวกเจ้า”
เดิมพวกขอทานน้อยอย่างอยากร้องขอ แต่มู่โถวดุร้ายเกินไป ทั้งๆที่ก็ดูโตก่อนพวกเขาเพียงนิดเดียว
ออกมาจากศาลาใจกลางทะเลสาบ มู่โถวยังหงุดหงิดไม่หาย แบกดาบไว้บนหลัง แล้วก็แตะก้อนหินตามอยู่ด้านหลังหนิงหงเจา
หนิงหงเจาวางเศษเงินบนฝ่ามือเขาอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้ให้เจ้ากินสองไม้ ไปสิ”
“คุณชายใจดีจริงๆ” มู่โถวดีใจอย่างมาก ถือเงินไว้แล้วก็วิ่งไปที่หัวมุมถนน
หนิงหงเจาหัวเราะ แล้วก็เดินตามหลังเขาไป
ไม่คาดคิดว่าตรงหัวมุม ก็เห็นคนสองคนเผชิญหน้ากันอยู่ตรงหน้าร้านขายปิงถังหูหลุ
มู่โถวพูดขึ้นว่า “มาสู้กัน ใครชนะก็เป็นของคนนั้น”
เหลิ่งหมิงหยู่พูดขึ้นว่า “ไม่ได้”
มู่โถวพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้าหลีกให้ข้า”
เหลิ่งหมิงหยู่พูดขึ้นว่า “ไม่ได้”
มู่โถว “…. นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ งั้นข้าสู้กับเจ้า เจ้าว่าไม่ได้ก็ต้องได้”
มู่โถวพูดเสร็จแล้ว ก็ไม่รอให้เหลิ่งหมิงหยู่ปฏิเสธ ต่อยหมัดไปหาเขาทันที
เหลิ่งหมิงหยู่หลบได้อย่างสบาย แต่ยังยืนอยู่หน้าร้านอย่างไม่ยอมหลีกให้ พูดขึ้นอย่างดื้อดึงว่า “ไม่ได้”
“คุณชายน้อยทั้งสอง…..” เจ้าของร้านขายปิงถังหูหลุ ถือไม้สุดท้ายไว้ด้วยร่างกายสั่นเทา พูดขอร้องขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หรือว่าให้ข้าน้อยแบ่งปิงถังหูหลุเป็นสองไม้?”
“ไม่ได้”
“ไม่ได้”
ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกัน
“ข้ามาก่อน” เหลิ่งหมิงหยู่เอามือกอดอก ดาบขวางบนหน้าอก พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชา
มู่โถวพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “แต่ว่าข้าควักเงินออกมาก่อน”
เหลิ่งหมิงหยู่ยังคงแสดงสีหน้าเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสู้ข้าไม่ได้”
แต่สำหรับมู่โถว นี่ถือเป็นการเยาะเย้ย
มู่โถวโกรธอย่างมาก จะพูดว่าอะไรก็ได้ แต่จะพูดว่าฝีมือการต่อสู้ของเขาไม่ดีไม่ได้ เขาเป็นคนที่คุณชายสอนเองกับมือ
ก็ชักดาบออกมา ชี้ไปตรงหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่พูดประโยคนี้ออกมา”