บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1800 ลูกสาวโตแล้วจริงๆ
เดิมเจ๋อหลานกับอานจือเดินตามเหลิ่งหมิงหยู่อยู่ด้านหลัง เมื่อมู่โถวมาปรากฏ เจ๋อหลานก็ดึงอานจือหลบไปในร้านด้านข้าง
ตอนนี้เห็นมู่โถวชักดาบออกมาตรงหน้าเหลิ่งหมิงหยู่ อานจือถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “น้องสาว ทำไงดี?”
“ไม่ต้องกลัว เด็กน้อยสองคน อีกอย่าง คุณชายหนิงของเจ้าก็อยู่” เจ๋อหลานพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ห้ามพูดไปเรื่อย”
อานจืออายจนหน้าแดง สายตากลับอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนิงหงเจา
เจ๋อหลานขยิบตา พี่อานจือหวั่นไหวแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่เจ๋อหลานคิด หนิงหงเจาไม่ได้ให้เด็กทั้งสองคนต่อสู้กัน เขาเดินออกมา ยื่นเกาลัดให้มู่โถวหนึ่งอัน แล้วให้มู่โถวยกปิงถังหูหลุให้กับเหลิ่งหมิงหยู่
“เจ้ารอไปก่อน รอเจอกับเจ้าครั้งหน้า ข้าจะสู้ให้ชนะเจ้า” มู่โถวยิ่งโกรธอย่างมาก กลับไม่กล้าขัดคำสั่งหนิงหงเจา ทำได้เพียงมองดูเหลิ่งหมิงหยู่เอาปิงถังหูหลุไปต่อหน้าต่อตา
เหลิ่งหมิงหยู่ไม่สนใจเขา จ่ายเงินอย่างเย็นชา รอคนขายทอนเงินให้อย่างเย็นชา รับปิงถังหูหลุมาอย่างเย็นชา แล้วก็จากไปอย่างเย็นชา
ไม่แม้แต่จะมองมู่โถว
“คุณชาย เขารังแกคนอื่นเกินไป” มู่โถวโกรธจนหน้าแดง จนแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
หนิงหงเจาไม่รู้จะทำยังไง ทำได้เพียงลูบหัวของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้เรามาเร็วๆหน่อย ให้เจ้าได้ซื้อเยอะๆ”
“อืม” มู่โถวรับคำมาอย่างหน้างอ ยังไงก็ยังโกรธอยู่
“เวลาไม่เช้าแล้ว ไปกันเถอะ” หนิงหงเจาลูบหัวมู่โถว พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เราไปซื้อขนมกุ้ยฮวา ที่ปากทางกัน”
“อืม” มู่โถวหน้างอ แล้วก็เตะก้อนหินเดินตามอยู่ด้านหลังเขา
ทางนี้ ทั้งสามคนแบ่งกันกินปิงถังหูหลุพร้อมกลับจวน หลังจากทานข้าวค่ำแล้ว อ๋องอานดื่มเหล้าไปพอประมาณ คุยกับเจ๋อหลานเป็นคุ้งเป็นแคว
ส่วนอานจือ กลับถูกพระชายาอานเรียกเข้าไปในห้อง
“เห็นแล้วหรือยัง? รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
อานจือพูดขึ้นอย่างเอียงอายว่า “ท่านแม่ไม่รู้แล้วหรือ?”
“แม่เป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ทุกอย่างที่พวกเจ้าทำในตอนนี้ ข้ากับพ่อของเจ้าล้วนเคยผ่านมาหมดแล้ว” พระชายาอานจับมืออานจือไว้ ตบเบาๆพร้อมพูดขึ้น ตั้งแต่เหลิ่งหมิงหยู่ถูกพี่สาวทั้งสองส่งไปเป็นสาวใช้ นางก็รู้แล้วว่าจะต้องมีวันนี้
อานจือไม่ได้ตอบประโยคนั้นของนาง แต่กลับถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านแม่ อยากให้ลูกแต่งงานออกไปจริงหรือ? หากแม่ทำใจไม่ได้ ลูกก็ไม่แต่งงานแล้ว อยู่กับพ่อกับแม่ไปตลอดชีวิต”
“ห้ามพูดไปเรื่อย จะไม่แต่งงานได้อย่างไร” พระชายาอานตบหลังมือของนางเบาๆ แล้วก็ถอนหายใจเบาพร้อมพูดขึ้นว่า “จริงๆแล้ว ไม่มีพ่อแม่คนไหนในโลก ที่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักของตนเองแต่งงานหรอก แต่ชีวิตคนเราหลายสิบปี จะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น พ่อแม่สามารถอยู่กับลูกได้ ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่เหลือลูกก็ต้องเป็นคนเดินไปด้วยตนเอง แม่หวังอยากให้เจ้าเป็นเหมือนอย่างแม่กับพ่อ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ทสิ่งที่ตัวเองต้องเสียใจ เจ้ามีความสุข แม่กับพ่อของเจ้าก็พอใจแล้ว”
อานจือซบแนบอกพระชายาอาน กอดนางไว้แน่นพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ มีพ่อกับแม่คอยดูแลรักใคร่ ลูกก็มีความสุขมากแล้ว”
“เด็กโง่ มีคนรักและดูแลเจ้าเพิ่มขึ้นอีกคน ไม่มีอะไรเสียหาย ยังไงพ่อกับแม่ก็ต้องมีวันแก่เฒ่า มีคนสามารถอยู่เคียงข้างเจ้าไปตลอดชีวิตแทนพ่อกับแม่ พวกเราถึงจะวางใจ” พระชายาอานลูบหัวของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
อานจือเม้นริมฝีปาก เงยหัวมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่กับพ่อจะไม่มีวันแก่ ต่อไปพวกท่านยังจะต้องช่วยข้าเลี้ยงลูก”
“ใช่ๆ” พระชายาอานยิ้มพร้อมเช็ดน้ำตาตรงหางตา
เวลาผ่านไปรวดเร็วมากจริงๆ ลูกสาวโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ทั้งสองแม่ลูกคุยกันอยู่ค่อนข้างนาน จนถึงเที่ยงคืน อานจือค่อยกลับห้องไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ได้ยินว่าลูกสาวกลับห้องแล้ว อ๋องอานก็รีบร้อนวิ่งกลับออกมาจากห้องหนังสือ
“เหยียนเอ๋อ เป็นอย่างไรบ้าง?”
พระชายาอานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เลว”
“อ๋า? อานจือยอมแต่งงานแล้วหรือ?” อ๋องอานเบิกตาโต นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
ผักกาดขาวของบ้านเขา จะต้องยกให้หมูของคนอื่นในไม่ช้าแล้ว ยังเป็นหมูที่มาจากต่างประเทศอีก
ถึงแม้คุณชายหนิงจะเป็นคนมีความสามารถ ลูกสาวยอมตกลงก็เป็นเรื่องที่คิดไว้แล้ว แต่ในใจก็ยังกระวนกระวาย วุ่นวายซับซ้อนอย่างมาก และเหมือนน้ำตาก็จะร่วงไหล
พระชายาอานไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี พูดขึ้นว่า “ที่ไหนกัน ยังเร็วไป”
“อ๋า? ยังตกลงแต่งงานหรือ?” อ๋องอานยังค่อนข้างอึ้ง
พระชายาอานยิ้มหัวเราะส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เพียงแค่พูดว่าดูฉลาดเหมือนอย่างพ่อ แต่ยังไม่รู้จักอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นจึงยังต้องคอยสังเกตดูก่อน”
“อ้อ ข้าก็ว่าแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ก็แค่มีรูปร่างหน้าตาภายนอกที่ดูดี และพอดีที่มีความรู้อยู่บ้าง ยังโชคดีที่ได้รับการชี้แนะจากฉีฮั่ว แค่เพียงเท่านี้เอง เทียบกับข้าแล้วยังห่างไกลอย่างมาก ยังคิดจะมาสู่ขออานจือลูกสุดที่รักของข้า ช่างไม่เจียมตัว” อ๋องอานยืดเอวตรง ได้ใจขึ้นมาทันที ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่อานจือภาคภูมิใจที่สุดก็คือพ่อคนนี้ หนิงหงเจาเทียบกับเขาได้ที่ไหนกัน
พระชายาอานมองออกไปอย่างเงียบ ๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ท่านอ๋องพูดถูก”