บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1803 คาดว่าน่าจะดังแน่
หลังจากโทร 110 ไปไม่นาน ไม่กี่นาทีตำรวจก็มาถึง อีกทั้งประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจก็ยังสูงมากอีกด้วย
เซเว่นอัพกับโค้กต่างก็ไม่ได้หนีไป เป็นเพราะมีคนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับสองคนที่ฝ่าไฟแดงเห็นว่าตาแก่สามคนนั้นเผ่นหนีไปแล้ว ก็รีบจับเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาหนี ทั้งยังชี้ไม้ชี้มือใส่พวกเขา ก่นด่าพวกเขาว่าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักตั้งใจเรียน ถึงกับมารวมหัวกับตาแก่อีกสามคนดักจี้ดักปล้นคนอื่น
กลุ่มคนที่มามุงดูได้ยินดังนั้น มีบางคนร่วมผสมโรงกล่าวหาพวกเขาอย่างขุ่นเคืองไปด้วย อุตส่าห์เกิดมาหน้าตาดีขนาดนี้แท้ ๆ อย่างกับพวกดาราเลย ทำไมกลับทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ได้นะ?
ในยุคของวิดีโอสั้น ใคร ๆ ก็มีมือถือ เห็นเรื่องแบบนี้ก็เหมือนแมวเห็นปลาย่าง ต่างพากันยกมือถือขึ้นถ่ายเก็บไว้อย่างสอดรู้สอดเห็น ขณะเดียวกันก็ทำท่าทำทางเป็นคนที่ยืนอยู่บนที่สูงมากด้วยคุณธรรม ปากก็ตำหนิด่าว่าหนุ่มน้อยสองคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายไปด้วย
ภายในสิบนาทีที่ตำรวจมาถึง พวกเขาก็ถูกตราหน้าไปถึงเรื่องขาดการอบรมจากพ่อแม่ รวมถึงการละเลยหน้าที่ที่พ่อแม่ควรกระทำแล้ว
สร้างความชอบธรรมในการเป็นฮีโร่บนแป้นคีย์บอร์ดกันสลอน
หลังจากที่ตำรวจมาถึง อันดับแรกก็เข้าควบคุมที่เกิดเหตุ แล้วจึงค่อยถามถึงสถานการณ์
“เหยื่อ” ทั้งสองพูดอย่างกระตือรือร้นว่า พวกเขาไปลากตัวพวกตนเองออกมาในเวลากลางวันแสก ๆ ถึงขั้นลากพวกตนไปอีกด้านเพื่อพยายามจะปล้น
“ปล้นเหรอ?” ตำรวจหันไปมองสำรวจเซเว่นอัพกับโค้กพักใหญ่ เห็นว่าดวงตาของพวกเขาทั้งใสสะอาดและชัดเจน พวกเขาดูไม่เหมือนพวกวัยรุ่นชั่ว ๆ ที่คิดจะปล้นคนเลยจริงๆ
“ใช่ มันเป็นการปล้น พวกเขายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสามคนด้วย แต่ตอนที่พวกนั้นได้ยินว่าผมโทรเรียกตำรวจก็รีบหนีไปเลย”
หนึ่งใน”เหยื่อ” พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น ระหว่างนั้นคนที่มุงดูอยู่ก็ยังคงบันทึกวิดีโอไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าในชั่วอึดใจเดียว เขาก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษแห่งความยุติธรรมขึ้นมาทันที ต่อว่าต่อขานพ่อแม่ของเด็กสองคนต่อหน้าตำรวจว่า “ไม่รู้จริง ๆ นะว่าพ่อแม่ของพวกเขาสอนมายังไง เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักตั้งใจเรียน คนแบบนี้ถ้าได้ออกมาสู่สังคม จะต้องเป็นหายนะของสังคมแน่ คุณตำรวจต้องลงโทษให้หนัก ๆ เลยนะครับ”
คำพูดประโยคนั้น พูดได้เสียงดังฟังชัด ชวนให้กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ ข้างฮือฮาเห็นด้วย
ตำรวจถามเซเว่นอัพว่า “พวกเธอพยายามจะปล้นพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?”
เซเว่นอัพพูดอย่างจนใจว่า “ผมไม่ได้คิดจะปล้นพวกเขานะครับ.…”
“ยังกล้าเถียงอีกเหรอ? ที่นี่มีกล้องวงจรปิด ลองกรอเทปดูก็ได้ ทางที่ดีพวกแกยอมรับสารภาพแต่โดยดีจะดีกว่านะ คดีพยายามปล้นไม่ได้มีการลงโทษที่รุนแรงมากนักหรอก” หนึ่งในเหยื่อพูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด เซเว่นอัพมองตำรวจแล้วพูดว่า “พวกเราไม่ได้คิดจะปล้นพวกเขาจริง ๆ เป็นเพราะพวกเขาฝ่าไฟแดง ปู่ทวดของผมคิดว่าทำแบบนี้มันอันตราย เพราะงั้นเลยไปดึงพวกเขามาต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เหยื่อ” ทั้งสองอึ้งไปพักหนึ่ง ฝ่าไฟแดงเหรอ? มีด้วยเหรอ?
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล ฉันไม่ได้ฝ่าไฟแดง ฉันขับมาตอนที่ไฟมันเขียวแล้ว”
โค้กชี้ไปที่กล้องวงจรปิดที่ตำแหน่งสัญญาณไฟจราจร “ลองตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูก็ได้ ว่าพวกเราใส่ร้ายพวกคุณรึเปล่า”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องหนีด้วยล่ะ? ทำไมตาแก่สามคนนั้นพอได้ยินฉันเรียก 110 ถึงได้รีบหนีไป ไม่ใช่ว่าร้อนตัวกลัวความผิดหรอกเหรอ?”
เซเว่นอัพไม่ลืมที่จะแก้ตัวให้กับบรรพบุรุษทั้งสาม “ปู่ทวดของผม กับคุณปู่อีกสองคนอายุเกือบจะร้อยแล้ว หูของพวกเขาไม่ดี คิดว่าคุณจะโทรเรียกคนมาทำร้ายเรา ถึงได้รีบหนีไป เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ น่าจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันอยู่บ้าง ถึงได้ไม่วิ่งตามไป แต่อยู่ต่อเพื่อจะได้อธิบายให้กระจ่าง หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกตั้งข้อหาว่าทำผิดกฎหมาย”
เดิมทีสองคนนี้ทำท่าทำทางสั่งสอนบทเรียนให้กับเด็กเลว แต่กลับถูกกล่าวโทษว่าฝ่าไฟแดง “เหยื่อ” ทั้งสองรู้สึกอับอายอยู่พักหนึ่ง แต่เพราะไทมุงยังถ่ายวิดีโอกันอยู่ จึงทำได้แค่ดื้อแพ่งชนิดต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมรับ
ปกติก็ได้แต่กินเผือกรอดูคนอื่นโดนแหกอย่างสนุกสนาน แต่จะให้ตัวเองเป็นฝ่ายโดนแหกซะเอง อันนี้เห็นจะไม่เข้าทีแน่แล้ว
ตำรวจถามเวลาที่เกิดเหตุ จากนั้นก็โทรกลับไปที่สถานีตำรวจ สั่งให้คนตรวจสอบกล้องที่สัญญาณไฟจราจรดูหน่อย
มีเวลาที่แน่นอน การตรวจสอบก็ง่ายแล้ว
ผ่านไปไม่นานนัก ก็มีโทรศัพท์กลับมา ยืนยันว่าทั้งสองคนฝ่าไฟแดงจริง เลยถูกชายชราสามคนจับตัวแล้วลากกลับมาทางนี้
ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของตำรวจ มีประชาชนที่อยู่ใกล้ ๆ บางเอาโทรศัพท์มือถือไปจ่อถ่ายใกล้ ๆ แม้ว่าจะถูกห้ามไว้ แต่ก็ถูกถ่ายภาพเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน ว่าทั้งสองคนฝ่าไฟแดงจริง ๆ
เมื่อมีความจริงอยู่ตรงหน้า ข้อกล่าวหาที่แสดงความยุติธรรมและเข้มงวดก่อนหน้าของพวกเขาจึงกลายเป็นเรื่องตลกไปทันที ประชาชนพากันชี้หน้าด่า บอกว่าพวกเขาเป็นพวกสับปลับเล่นไม่ซื่อ คิดจะใส่ร้ายเด็กสองคนนั้น ช่างชั่วช้าน่ารังเกียจจริงๆ
และด้วยเหตุการณ์คดีพลิกที่ว่ามานี้เอง ทำให้ไม่มีใครสนใจแล้วว่า ชายชราสามคนนั้นต้องการจะหยุดพวกเขาจากการฝ่าไฟแดงจริง ๆ หรือเปล่า
หลังจากตำรวจอบรมสองคนที่ฝ่าไฟแดงเสร็จ ยังหันไปยกย่องโค้กกับเซเว่นอัพเสียยกใหญ่ จากนั้นก็บอกให้พวกเขารีบกลับบ้าน