บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1806 นั่งชมดูแถวหน้า
เจ๋อหลานพาอานจือสลัดการตามตอแยของมู่โถวมาได้ ก็ส่งเสียงผิวปากขึ้นครั้งหนึ่ง ฟีนิกซ์น้อยก็บินโฉบจากกลางอากาศไปอย่างรวดเร็ว ถนนทุกสายอยู่ในสายตา เพียงไม่ถึงอึดใจนางก็รู้ทันทีว่า หนิงหงเจาอยู่ที่ไหน — เป็นถนนย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเจียงเป่ย
อานจือเดินตามรอยเท้าของนางไปติด ๆ ไม่นานก็ขบคิดจนเข้าใจในรายละเอียดปลีกย่อยได้อย่างรวดเร็ว “น้องสาว มีคนอ้างชื่อของข้าไปใช้หลอกลวงคุณชายหนิง?”
แม้ว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของนางก็เต็มไปด้วยความมั่นใจแล้ว
“ใช่” เจ๋อหลานตอบขณะที่เดินไป อันที่จริง พวกนางน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่า ชายที่สวมเสื้อคลุมสีเทาอมน้ำตาลที่พาตัวหนิงหงเจาไป มันเหมือนกับชุดที่คนรับใช้ของจวนอ๋องอานสวมอยู่มาก
“น้องสาว เจ้าสามารถค้นหาว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนได้หรือไม่? ไม่ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายจะเป็น
อะไร คุณชายหนิงจะต้องไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันในเมืองเจียงเป่ยเด็ดขาด หรือไม่เจ้าก็ไม่ต้องพาข้าไปด้วยแล้วก็ได้ เจ้าคนเดียวจะเร็วกว่า เจ้ากลับไปหาพ่อของข้าที่จวนก่อน ” อานจือยกมือขึ้นกุมที่อกอย่างเป็นกังวล ถ้าหากว่าคุณชายหนิงต้องมาเกิดเรื่องเพราะนาง ผลที่จะตามมานั้นไม่อาจจินตนาการได้เลยจริง ๆ
เมื่อมาถึงถนนย่านการค้า เจ๋อหลานก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง ลากอานจือไปที่ซอยเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้าง แล้วถามนางด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่สาว เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?”
“ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าได้อย่างไรล่ะ?” อานจือไม่รู้เหตุผล แต่ก็ตอบไปตามความจริง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกังวลเรื่องของหนิงหงเจา หรือเพราะความเร็วของเจ๋อหลานเร็วเกินไป หรือเพราะสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่มันรีบร้อนมากเกินไป จึงทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก นางทำได้เพียงใช้มือกุมที่หน้าอกไว้ พยายามควบคุมการหายใจของตัวเองให้เป็นปกติ
เจ๋อหลานยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบไปที่นั่นกันแล้วล่ะ”
อานจือตกตะลึง “น้องสาว เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“มีคนพร้อมที่จะช่วยเราทดสอบคุณชายหนิง ไม่ดีหรอกรึ?”
“แต่ถ้าเกิดคนพวกนั้นทำร้ายคุณชายหนิงล่ะ …” คำพูดของอานจือหยุดลงอย่างกะทันหัน นางไม่กล้าคิดเรื่องนี้ต่อไปจนจบ
เจ๋อหลานยิ้ม “คุณชายหนิงเป็นคนที่เก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊ เขาสามารถประมือกับพ่อของเจ้าได้อย่างสูสี คนธรรมดาทำร้ายเขาไม่ได้หรอกน่า”
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ ท่านลุงสี่จะใช้กำลังภายในทั้งหมดที่มีเพื่อช่วยท่านลุงสาม จนทำให้การประมือกับหนิงหงเจาเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านลุงสี่ไม่สามารถใช้กำลังภายในออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แต่วรยุทธ์ของหนิงหงเจาก็อยู่ในระดับที่เรียกว่ายอดฝีมือคนหนึ่ง คนธรรมดามีหรือจะทำร้ายเขาได้
อานจือยังคงวิตกกังวลอย่างมาก หัวใจเต้นกระหน่ำจนเกือบจะขึ้นมาแขวนค้างอยู่ที่ลำคอให้ได้แล้ว “แต่ถ้าคนที่ก่อให้เกิดสถานการณ์นี้ไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ? ถ้าเกิดคนคนนั้นใช้อุบายชั่วร้ายล่ะ?* ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง * ก่อนหน้านี้ท่านลุงสามก็..…”
*(อธิบายเพิ่มเติม เป็นสำนวนจีน มีความหมายว่า ศัตรูที่เปิดเผยไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือศัตรูซ่อนเร้น)
“พี่สาว คิดกังวลมากไปจะสับสนวุ่นวายใจเปล่า ๆ นะ” เจ๋อหลานเคาะที่หน้าผากอานจือเบา ๆ ถอนหายใจอย่างจนใจน้อย ๆ พี่สาวคนโง่ ยังไม่กำหนดงานแต่งเลยแท้ ๆ ก็มอบใจออกไปเสียแล้ว
อานจือค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง แต่ยังมีชั้นหมอกขมุกขมัวสายหนึ่งแฝงเร้นอยู่ในดวงตา
เจ๋อหลานช้อนสายตาขึ้นมองฟีนิกซ์น้อยที่อยู่ด้านบน กำลังคิดจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงดังมาจากเรือนข้าง ๆ
นางรีบเอานิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้อานจืออย่าเพิ่งพูด แล้วดึงนางขึ้นไปบนหลังคา ทั้งสองหมอบลงแนบกับหลังชายคาเพื่อซ่อนร่างของพวกตนไว้
จากนั้นก็เห็นชายสองคนแบกหนิงหงเจาที่หมดสติไปแล้ว เดินตามหลังคนที่แต่งกายเหมือนสาวใช้คนหนึ่งไป
“ถุย! ถึงกับต้องให้คุณหนูของเราออกโรงมาหาด้วยตัวเอง เจ้าหนูนี่ช่างมีดวงนารีอุ้มสมเสียจริง ” ชายร่างเตี้ยพูดอย่างโกรธเคือง
สาวใช้คนนั้นถามขณะที่เดินไปว่า “แน่ใจนะว่าเขาจะไม่ตื่น?”
“วางใจเถอะ ข้าใส่ไปหมดสองห่อใหญ่ ปริมาณมันมากพอที่จะทำให้วัวสิบตัวสลบไม่ฟื้นได้เลยเชียวล่ะ ไม่ว่าวรยุทธ์ของเขาจะสูงส่งแค่ไหน หรือพลังภายในจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ต้องก้มหัวรอรับความเมตตาจากคุณหนูของเรา” ชายร่างเตี้ยพูดตอบ
“คนที่ไปส่งจดหมายถึงคนของหยู่เหวินเมิ่งเหอกลับมาแล้วหรือไม่? ” สาวใช้คนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง
“คงใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี พวกเจ้าลอกคราบเขาให้เกลี้ยงแล้วพาเข้าไปไว้บนเตียงก่อน คุณหนูกำลังรีบมาที่นี่แล้ว ข้าจะออกไปรอคนส่งข่าว” หลังจากสาวใช้คนนั้นเปิดประตูให้พวกเขา ก็รีบออกไปรอคน
เมื่อได้ยินดังนั้น อานจือก็หันไปมองเจ๋อหลานด้วยความตื่นตระหนก
คิดไม่ถึงว่าเจ๋อหลานจะกดไหล่นางไว้ แล้วส่ายหน้าให้เงียบ ๆ
เจ๋อหลานยื่นมือออกมา จดหมายฉบับหนึ่งค่อย ๆ พลิ้วตกลงมาจากใต้กรงเล็บของฟีนิกซ์น้อย
พอเปิดดู ที่เขียนอยู่ในนั้นมีเพียงไม่กี่คำ นั่นคือที่อยู่ของเรือนแห่งนี้
ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงที่แต่งตัวฉูดฉาดละลานตาคนหนึ่ง ก็เดินเข้าไปในเรือนแล้วเข้าไปในห้อง
“น้องสาว พวกเราลงไปกันดีไหม?” อานจือถามอย่างกังวล
“ไม่ต้องรีบร้อน รอดูกลหญิงงามนี้ต่อไปเถอะ” เจ๋อหลานพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คนถูกทำให้สลบไปแบบนั้นแล้ว ยังจะเรียกว่ากลหญิงงามอะไรอีกล่ะ!” อานจือแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะความโกรธแล้ว ช่างไร้ยางอายสิ้นดี! .
เจ๋อหลานยิ้ม “พี่สาว เจ้าไม่เชื่อคุณชายหนิง หรือว่าเจ้าไม่เชื่อตัวเองกันแน่”
อานจือตะลึงงัน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ชู่ พวกเราไปที่หลังคาของบ้านหลังนั้นกันดีกว่า มองเห็นให้ชัดกว่าที่นี่” เจ๋อหลานดึงนางเหินขึ้นไป แล้วค่อย ๆ ร่อนลงไปยังจุดชมละครเรื่องสนุกได้ใกล้ที่สุด