บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1810 คุณหนูของพวกเราขอเชิญ
“ไปเถอะ กลับกันก่อนแล้วกัน” สีหน้าของหนิงหงเจาดูย่ำแย่สุดขีด ยากที่จะจินตนาการว่าจะเป็นอย่างไร หากเด็กผู้หญิงสองคนได้มาเห็นด้านที่สกปรกโสมมแบบนั้นของเขา มันจะก่อให้เกิดเงา
ดำในใจมากมายขนาดไหนกันนะ?
“คุณชาย มีอะไรท่าจะไม่ดีแล้วหรือขอรับ?” มู่โถวอดใจไม่ไหวจนต้องสอดปากถาม
แต่ทุกคนต่างก็หน้าม่อยคอตก เดินตามหนิงหงเจากลับไปเงียบ ๆ
มู่โถวอยากรู้แทบตายแล้ว จึงตามตื๊อตามตอแยถามจู้จื่อไม่หยุด “หา? พี่ใหญ่ คุณชายเป็นอะไรไปแล้ว? ไม่ได้บอกว่าจะไปพบกับฮูหยินน้อยในอนาคตหรอกรึ? หรือว่าคุณชายไปทำให้ฮูหยินน้อย
โกรธเข้าแล้ว?”
จู้จื่อเองก็จนใจ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถอนหายใจเฮือก ดูท่าทางเศร้าโศกรันทดอย่างมาก “ก็น่าจะประมาณนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น ก็แค่ไปง้อไปเอาใจฮูหยินน้อยให้กลับมามีความสุขก็ได้แล้วนี่?” มู่โถวไม่เข้าใจ
“คุณชายมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทก็ทรงเคยสอนเขาตั้งมากมายเท่าไหร่ น่าจะเอาไปใช้ง้อฮูหยินน้อยให้อารมณ์ดีได้แน่ๆ ”
“ก็คงใช่ น้องชาย เจ้ายังอยากกินอะไรอีก? พรุ่งนี้พี่ชายจะพาเจ้าไปกินเอง ฉวยโอกาสตอนที่ยังกินได้ ก็จงกินให้เยอะ ๆ หน่อย” จู้จื่อถอนหายใจหนักขึ้นกว่าเดิม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แค่ฮูหยินน้อยใน
อนาคตเท่านั้นน่ะสิ แต่ยังมีฮองเฮาในอนาคตด้วยอีกคน ถ้าให้ฝ่าบาทรู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ความสัมพันธ์จะดีกว่านี้อีกสักแค่ไหน ก็คงดิ่งมาแลกชีวิตกับคุณชายของเขาแน่แล้ว!
ความสนใจของมู่โถวเปลี่ยนไปทันที พยักหน้ารัว ๆ “ถ้าอย่างนั้นข้าอยากกินถังหูลู่เย็น ข้าวเหนียวไก่ ขนมกุ้ยฮวา……อยากกินเยอะแยะมากมายเลย ของที่คุณชายซื้อวันนี้ ข้าไม่ได้กินเลย
แม้แต่คำเดียว”
กลางดึก หลังจากอ๋องอานสอบสวนเสร็จ ก็ทำการแยกขังพวกคนร้าย แล้วรีบกลับไปที่ห้องหนังสือ เขียนฎีกาในคืนนั้นเพื่อส่งไปที่เมืองหลวง รอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยส่งตัวเข้าคุกหลวงเพื่อรอการประหารชีวิต
จากหลักฐานที่หนิงหงเจาให้มา คนเหล่านี้สารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นคนลอบฆ่าอ๋องเว่ย
แต่ให้การหัวชนฝาว่าเพราะต้องการเงินจึงลงมือฆ่า ต่อมาด้วยเหตุที่พวกพ้องถูกตัดหัวจึงคิดแก้แค้นอ๋องอาน ถึงได้วางแผนล่อลวงหนิงหงเจา หวังจะทำลายงานแต่งของอานจือ ไม่ได้เป็นเพราะรับคำสั่งมาแต่ประการใด
แต่ถึงอย่างนั้น โทษที่พวกเขาต้องรับ ก็หนีไม่พ้นโทษประหารชีวิตแน่นอนแล้ว
แต่เป็นเรื่องแปลกที่เมื่อคืนนี้ เพื่อจะป้องกันเหตุไม่คาดฝัน อ๋องอานจึงสั่งให้คนผูกพวกคนร้ายจนแน่นเป็นดักแด้ แล้วแขวนห้อยไว้กลางอากาศ ปล่อยให้มีแค่ส่วนหัวที่โผล่ออกมาเท่านั้น
แต่พอมาวันนี้ตอนที่เห็นพวกนั้น กลับพบว่าพวกคนร้ายต่างก็มีหน้าตาบวมปูดฟกช้ำ จมูกเขียวปี๋ โดยเฉพาะเลี่ยวหงจวง ซึ่งมีสภาพน่าสมเพชเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ ฟันหน้าหายไปซี่หนึ่ง ราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างจู่โจมเข้าใส่อย่างรุนแรง ทั้งเนื้อทั้งตัวก็สะบักสะบอมลงไปอย่างมาก
“ช่างแปลกจริง ๆ เชือกก็เห็นอยู่ว่ายังอยู่ในสภาพดีแท้ ๆ เงื่อนก็ยังเหมือนเดิมกับที่พวกเรามัดไว้เมื่อคืนนี้ ข้าคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หัวหน้าองครักษ์คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
อ๋องอานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องที่คิดไม่ออกก็ไม่ต้องไปคิดมันแล้ว รีบไปคุมตัวคนร้ายออกไปซะ”
“ขอรับ!” หัวหน้าองครักษ์ตอบรับ ขณะที่เดินไปพลางก็ครุ่นคิดไปพลาง “แต่คงไม่ใช่ว่าพวกนั้นคิดจะอาศัยน้ำหนักของตัวเองทำให้เชือกขาด เลยพยายามเหวี่ยงเพื่อให้คานหัก จนตัวไปกระแทกกับกำแพงเข้าหรอกนะ? ฮ่า ๆ งั้นพวกนั้นก็ถือว่าโชคร้ายสุด ๆ เลยล่ะ ใครไม่รู้บ้างล่ะว่าช่วงนี้จวนอ๋องอานเพิ่งจะปรับปรุงใหม่ ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งของหลังคา แม้แต่รูหมาลอดข้างประตูใหญ่ก็ยังไม่เว้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุกใต้ดินที่แข็งแรงอยู่แล้วเลย”
“น่าขันมากเลยรึ?”
“ไม่น่าขันเลยขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
วันรุ่งขึ้น จวนอ๋องอานจัดงานเลี้ยง เขาได้เชื้อเชิญให้อัครมหาเสนาบดีหนิงกับหนิงหงเจามาที่จวนนานแล้ว
หนิงหงเจานั่งลงในขณะที่ฝ่ามือชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ รู้สึกเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าตอนที่ราชสำนักจัดให้มีการสอบจอหงวนเสียอีก
เมื่อครู่อ๋องอานคุยกับหนิงไจ่เซี่ยงเรื่องหินหยก พอคุยกันจนติดลมได้ที่ ก็ถึงกับลุกขึ้นไปดูของสะสมของอ๋องอานที่ห้องหนังสือกันตรง ๆ เลยทีเดียว
ในห้องโถงใหญ่จึงเหลือเพียงเขาอยู่คนเดียว
“คุณชายหนิง คุณหนูของพวกเราขอเชิญ” พ่อบ้านเดินเข้ามากล่าวเชิญ
“ได้”
หนิงหงเจาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า แล้วเดินตามพ่อบ้านไปที่สวนดอกไม้หลังจวน
อานจือกำลังนั่งดูปลาอยู่ในศาลา เมื่อเห็นว่าเขามาแล้ว ก็ลุกขึ้นพลางยกยิ้มเล็กน้อย กล่าวเชิญอย่างสุภาพว่า “คุณชายหนิง เชิญนั่ง”
“หงเจาเป็นเกียรติที่ได้พบอานเหอจวิ้นจู่”
เมื่อเห็นว่าไม่มีสีหน้าแปลก ๆ บนใบหน้าของนาง หนิงหงเจาก็ถอนหายใจเบา ๆ ชนิดที่แทบจะไม่ได้ยิน แล้วนั่งลงตรงข้ามกับอานจือ
“ได้พบหน้ากันครั้งแรก ไม่รู้ว่าคุณชายชอบดื่มชาอะไร ข้าได้เตรียมชานมที่คนในครอบครัวชอบดื่มไว้จำนวนหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณชายจะดื่มได้หรือไม่” อานจือท่วงท่าสง่างาม กริยาชดช้อยอ่อนโยน เพียบพร้อมด้วยมารยาทของกุลสตรีผู้สูงศักดิ์ในทุกอิริยาบถ
ในทางตรงกันข้าม หนิงหงเจากลับดูระมัดระวังเกินเหตุ ทั้งยังลุกลี้ลุกลนอย่างยิ่ง เขารีบพูดว่า “ชานมดีมาก ข้าชอบดื่มมากเลย ทั้งท่านพ่อท่านแม่ ยังมีประชาชนในเมืองเหลียงโจวของเรา ต่างก็ชอบมันมากเช่นกัน”
เขาพูดไปพลาง ก็เหมือนกลัวว่าอานจือจะไม่เชื่ออย่างไรอย่างนั้น รีบยกชานมที่อยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมด ผลสุดท้ายเลยสำลัก ไอโขลก ๆ ติดกันไม่หยุด
ทำเอาอานจือตกใจมากจนรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา “คุณชาย ท่านไหวหรือไม่?”