บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1812 แขกที่มาอย่างกะทันหัน
บนพื้นห้องใหญ่ของตระกูลหยวน หนึ่งคืนก่อนการสอบ อู๋ซ่างหวงถึงกับจัดประชุมในลักษณะที่จริงจังอย่างยิ่ง
จากประสบการณ์สอบเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเขา เขาเชื่อว่าทุก ๆ การสอบล้วนมีความสำคัญและเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดมาก เขาจึงแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของจิตใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างความเติบโตให้เด็ก ๆ ฟัง
“ตอนเข้าสอบ เรื่องความวิตกกังวลพวกนั้นคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้วล่ะนะ แต่สิ่งที่ทำให้คนเราสติแตกที่สุดก็คือหลังการสอบ จะมีคนถามเราว่าทำข้อสอบได้เป็นอย่างไรบ้าง? คำถามนี้นี่ล่ะ ที่อันตรายถึงชีวิต…..”
ท่านฉู่โบกมือ “ไม่ถูกนะ ไม่ถูก เรื่องอันตรายถึงชีวิตอะไรกัน? ใครจะถามก็ถามไปสิ แต่ข้าคิดว่าการกลั้นฉี่ระหว่างสอบต่างหาก ที่เป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุด แน่นอนว่ามันต้องมีความกดดันอยู่แล้ว ตอนนั้นมือของข้าถึงกับสั่นเลยเชียวล่ะ.…”
“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เจ้าอายุมากแล้ว คงจะลืมเรื่องการสอบของพวกเราในตอนนั้นไปหมด…..”
“ยังไม่ลืมเสียหน่อย มันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของข้า!”
ตอนที่พวกเขาโต้เถียงกัน กริ่งประตูก็ดังขึ้น หยวนชิงหลิงอยู่ใกล้กับประตู จึงเดินไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูออก พลันมีมือข้างหนึ่งดึงเธอออกไปทันที ทำให้เธอตกใจสุดขีด
เมื่อหยู่เหวินเห้าเห็นดังนั้น คิดว่ามีอันตรายแน่แล้ว จึงทะยานตัวขึ้นแล้วพุ่งออกไปอย่างแรง เข้าใจว่าตัวเองคว้าจับมือของภรรยาที่อยู่ในช่วงวิกฤติเอาไว้ได้ แต่เมื่อมองเห็นคนที่มาได้แบบชัดเจนเต็มตา เขาก็ตกตะลึงจนตาค้าง “เสด็จย่าใหญ่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
คนที่มาคือพระชายาชินเฟิงอัน ครั้นเห็นว่านางยังสวมเสื้อผ้าของเป่ยถังอยู่ ย่อมแสดงได้เห็นได้ชัดเจนว่านางกำลังรีบร้อนอย่างยิ่ง
“ข้าขอยืมตัวภรรยาเจ้าไปหารือสักสักสองสามคำ แล้วจะรีบกลับมา!” พูดจบ พระชายาชินเฟิงอันก็ดึงหยวนชิงหลิงเดินตรงไปที่ลิฟต์
หยู่เหวินเห้าบ่นพึมพำ มีเรื่องอะไรกันแน่ ถึงไม่สามารถพูดกันในบ้านได้?
แต่ในใจก็อดรู้สึกวิตกกังวลไม่ได้ วันมะรืนนี้พวกเขาก็จะกลับแล้วแท้ ๆ แต่เสด็จย่าใหญ่กลับไม่สามารถรอจนถึงวันนั้นได้ ถึงกับต้องมาหานางเดี๋ยวนี้ หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแล้ว?
“เป็นใครกัน?” อู๋ซ่างหวงไม่ทันเห็นพระชายาชินเฟิงอัน รีบร้อนลุกขึ้นไปดู แต่ประตูลิฟต์กลับปิดลงไปเสียแล้ว
“พี่สะใภ้ของท่าน” หยู่เหวินเห้าตอบ
“ท่านอาจารย์มาอย่างนั้นรึ?” เซียวเหยารีบวิ่งออกไป แต่กลับเห็นเพียงความว่างเปล่า “คนล่ะ?”
“ลากเจ้าหยวนลงไปคุยกันโน่นแล้ว” หยู่เหวินเห้าสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?”
เซียวเหยากงโบก ๆ มือ “อาจเป็นเรื่องของผู้หญิง พวกเราฟังด้วยไม่ได้ หรืออาจเป็นเรื่องยืมเงิน อาจารย์นี่ก็จริง ๆ เลย เงินขาดมือทำไมไม่มาถามข้านะ? แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็ไม่เคยมาถามยืมเงินจากข้าเลยสักครั้ง”
เล่นเอาเขาที่อยากเลี้ยงดูยามชราบ้างก็ยังทำไม่ได้
“อีกครู่เดียวก็ขึ้นมาแล้วกระมัง? พวกเราเข้าไปรอข้างในเถอะ” อู๋ซ่างหวงกลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะถ้าหากเป่ยถังเกิดเรื่องขึ้นจริง คนที่ควรมาหา ก็ต้องเป็นเจ้าห้าอย่างแน่นอน
ขอแค่ไม่ใช่เป่ยถังเกิดเรื่อง เช่นนั้นก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่
หยวนชิงหลิงถูกพระชายาชินเฟิงอันลากไปที่สวนดอกไม้ด้านล่าง เธอถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ? ท่านถึงกับต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้งยังซีเรียสถึงขนาดนี้?”
พระชายาชินเฟิงอันตอบว่า “ผู้พัฒนายา LR ซึ่งเป็นยาชนิดที่เจ้าห้าเคยใช้ มาที่เป่ยถังแล้ว บอกว่าอยากพบเจ้า”
หยวนชิงหลิงดีใจจนแทบตัวลอย “จริงหรือ? เป็นนางจริง ๆ หรือเจ้าคะ?
“เป็นนางจริง ๆ แต่นางมาเพราะมีเรื่องจะขอร้อง แต่เจ้ายังสามารถใช้โอกาสนี้เรียนรู้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาตัวนี้จากนางได้ ตอนนี้เจ้าห้าไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ หรือไม่ ตัวเจ้าเองก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ ถูกหรือไม่?”
“ข้าจะกลับไป ข้าจะกลับไปกับท่านเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ” หยวนชิงหลิงตื่นเต้นดีใจมาก รีบร้อนจะไปเก็บข้าวของ แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปหลังจากเดินไปได้แค่สองก้าว “อ๋า ข้ากลับไปเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้ เด็ก ๆ จะสอบเอนทรานซ์พรุ่งนี้แล้ว นางจะรั้งอยู่ที่เป่ยถังกี่วันเจ้าคะ”
“ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่านางมีเรื่องจะขอร้องเจ้า อย่างไรก็ต้องรอเจ้าแน่ เจ้าอยู่กับลูก ๆ จนกว่าพวกเขาจะสอบเสร็จก่อน ค่อยกลับไปทันทีหลังเด็ก ๆ สอบเสร็จ”
การมาของนางในครั้งนี้ แค่เพราะกลัวว่าหลังเด็ก ๆ สอบเอนทรานซ์เสร็จ พวกเขาจะอยู่ต่อเพื่อพาเด็ก ๆ ไปเที่ยว เพราะถึงอย่างไร การไปเที่ยวหลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จ มันดูเหมือนจะกลายเป็นกฎตายตัวไปเสียแล้ว
“ดีเจ้าค่ะ ดีมากเลย!” หยวนชิงหลิงอยากเจอนักพัฒนา LR คนนี้มาโดยตลอด แต่จนใจเพราะไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน ไม่คาดคิดเลยว่านางจะไปปรากฏตัวที่เป่ยถัง
ช่างเป็นความสุขที่ตกมาจากฟากฟ้าจริง ๆ
พระชายาก็ดีใจมากเช่นกัน พูดว่า “ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้แล้ว คงไม่ขึ้นไปทักทายพวกเขาแล้วดีกว่า เลี่ยงไม่ให้พวกนั้นรั้งข้าไว้ไม่ยอมให้ข้ากลับ ข้ายังต้องไปทักทายแขกที่มาเยี่ยมเยือนอีกน่ะ”
หยวนชิงหลิงไปส่งนางออกจากประตูเล็กของชุมชน พูดว่า “เจ้าค่ะ ท่านกลับไปก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ได้โปรดช่วยรั้งนางไว้ให้ข้าด้วย รอเด็ก ๆ สอบเสร็จแล้วข้าจะรีบกลับไปทันทีเจ้าค่ะ”