บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1817 หนุ่มหล่อสาวสวย
นางใช้นิ้วมือไล้ไปรอบ ๆ หัวของหยวนชิงหลิงจนครบหนึ่งรอบ ก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจว่า “แปลกจริง เจ้าใช้สารยับยั้งรึ?”
หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
“ใช่แล้ว!”
ทั้งสองยังคงคุยกันอย่างลึกซึ้ง รอจนพระชายาจิ้งพูดในสิ่งที่นางอยากขอร้องให้ช่วย หยวนชิงหลิงก็เริ่มจะตกใจขึ้นมาแล้ว
พระชายาจิ้งขอให้นางช่วยหาทางสายหนึ่ง ซึ่งทางสายนี้เป็นเส้นทางที่เชื่อมไปหาเผ่าเทพผ่านทางเปลวไฟจากสายฟ้า
ความรู้ด้านนี้ ถือว่าเป็นจุดอ่อนของนางจริงๆ
ยังจำได้ว่าตอนที่เพิ่งข้ามเวลามาที่นี่ได้ไม่นาน ก็ได้พบกับฟางหวู ฟางหวูเคยบอกกับนางว่าจุดจบของวิทยาศาสตร์ก็คือเทววิทยา นางมักรู้สึกว่าฟางหวูเหมือนจะกำลังขโมยกับแทนที่แนวคิดอะไรบางอย่างอยู่เสมอ
แน่นอนว่า พอหลัง ๆ มานางก็ค่อยๆ ยอมรับได้มากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญ
ของนางจริง ๆ
นางบอกพระชายาจิ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อนและหลังการใช้สารยับยั้ง
พระชายาจิ้งได้ฟังแล้ว หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง นางก็พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ข้าสามารถช่วยเจ้ากำจัดสารยับยั้งได้”
“เจ้าช่วยข้าได้? แต่ร่างกายของข้าไม่สามารถรับผลรุนแรงที่ตามมาจากการพัฒนาสมองได้นะ”
พระชายาจิ้งมีท่าทีมั่นใจมาก พูดขึ้นว่า “ดังนั้นถึงต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายด้วย ขอเวลาให้ข้าสักสองสามวัน ข้าจะต้องพัฒนายาชนิดหนึ่งให้เจ้าได้แน่ เพื่อให้หัวใจและร่างกายของเจ้าสามารถแบกรับสภาวะที่สมองเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้”
เมื่อได้ยินนางพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้ และการได้เห็นว่า LR ที่นางพัฒนาขึ้นนั้นน่าทึ่งมากแค่ไหน กระทั่งเรื่องผงฝุ่นจิตวิญญาณก็ยังรู้ด้วย บางทีด้วยความช่วยเหลือของนาง ตัวเองก็อาจจะหลุดจากการยับยั้งของสารยับยั้งได้จริง ๆ ก็ได้
พระชายาจิ้งกล่าวว่า “แล้วก็สามีของเจ้าจำเป็นต้องใช้ LR อีกครั้งด้วย แต่เจ้าวางใจได้ว่าประสิทธิภาพของยาตอนนี้จะปลอดภัยมาก ตามหลักการแล้วร่างกายของเขาจะสร้างหน่วยป้องกันยีนที่เสื่อมสภาพขึ้นมา ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน”
“ยังต้องใช้อีกครั้งรึ?” หยวนชิงหลิงหวนนึกถึงวิกฤตหลังจากที่ฉีดยาเมื่อครั้งก่อน ในใจก็รู้สึกกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา”แต่เจ้าไม่ได้บอกเองหรอกหรือว่ายานี้มันยังไม่สมบูรณ์น่ะ? เจ้าถึงกับทำลายข้อมูลทิ้งด้วยซ้ำ”
“ข้ามียาที่สมบูรณ์แล้วอยู่ วางใจเถอะ มันจะไม่เกิดปัญหาอะไรแน่ ๆ ในร่างของเขาตอนนี้ยังไม่ได้สร้างทีมป้องกันที่ทำลายไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ยาอีกครั้ง”
เรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้าห้า หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเล
แต่นางรู้ดีว่าพระชายาจิ้งที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เพราะนางเป็นคนที่อ๋องชินเฟิงอันพามา และเป็นคนที่ออกมาจากสถาบันวิจัยของหยางหรูไห่
ดูเหมือนพระชายาจิ้งจะมองทะลุความคิดของนางได้ พูดว่า “พวกเจ้าสามีภรรยาลองคิดดูก่อนก็ได้ แต่ถึงอย่างไร ยานี้ก็ต้องใช้อีกครั้ง ถ้าไม่ใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้คงจะยังไม่เกิดอันตรายอะไร แต่ในอนาคตคงรับประกันไม่ได้” .”
เมื่อได้ยินว่าถ้าไม่ใช้อาจเกิดความเสี่ยง หยวนชิงหลิงก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
พระชายาจิ้งยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ หลังจากที่กำจัดสารยับยั้งในตัวเจ้าแล้ว เจ้าจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด”
หยวนชิงหลิงมองดูแววตาระยิบระยับของนาง รู้สึกคาดหวังรอคอยเล็กๆ
พวกนางคุยกันอยู่นานมาก รอจนทั้งสองออกไป พวกผู้ชายก็ถึงกับตั้งวงดื่มกันแล้ว
หยวนชิงหลิงเองก็จนใจ พวกผู้ชายชอบยกแก้วเหล้าคุยกันอย่างนั้นสินะ?
เมื่อหยู่เหวินเห้าเห็นว่าพวกนางออกมาแล้ว ก็ถามว่า “คุยกันเสร็จแล้วหรือ?”
“อื้ม คุยกันได้พอสมควรแล้วล่ะ พวกเจ้ายังดื่มกันอยู่หรือ?” หยวนชิงหลิงค้อมกายคารวะอ๋องจิ้ง ฝ่ายอ๋องจิ้งก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วคารวะกลับทันที
“เราก็คุยกันไปได้พอสมควรแล้วเช่นกัน ให้พวกเขาพักผ่อนสักหน่อย พวกเรากลับวังกันก่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงกล่าวอำลาทุกคน หันกลับไปมองที่ชายร่างใหญ่ชื่อต้าหมอ เห็นเขาแอบอิงอยู่ที่หน้าประตู มองดูพวกเขาจากไปด้วยท่าทางเซ่อๆ
หยวนชิงหลิงกระซิบพูดเบา ๆ กับหยู่เหวินเห้าว่า “ชายร่างใหญ่คนนั้น ดูเหมือนจะรู้จักพวกเรานะ”
หยู่เหวินเห้าก็หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าต้าหมอยังมองมาอยู่ ก็โบกมือให้เขา
“พวกเราไม่เคยเจอเขามาก่อน หรือบางทีเขาอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหนุ่มหล่อสาวสวย เลยอยากมาดูใกล้ ๆ ให้มากหน่อยก็ได้นะ” หลังจากดื่มเหล้าจนพอมึน ๆ แล้ว เจ้าห้ามักจะชอบพูดจาเหลวไหลไร้สาระอยู่เสมอ
หยวนชิงหลิงตีเขาไปครั้งหนึ่ง แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าน่ะ เป็นฮ่องเต้ที่มีความเป็นฮ่องเต้น้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้วนะ”
“ก็ไม่ได้นั่งอยู่บนยอดเศวตฉัตรเสียหน่อย ทำไมจะต้องแบกมันไว้ตลอดเวลาด้วยล่ะ? แบบนั้นก็เหนื่อยแย่น่ะสิ” เจ้าห้าจูงมือนาง หนุ่มหล่อสาวสวยเดินออกไป “เจ้าเชื่อหรือไม่? ชายร่างใหญ่คนนั้นยังมองพวกเราอยู่เลยนะ”