บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1819 กินยา
เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่า พระชายาจิ้งจะใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ก็สักสองสามวันถึงจะทำยาออกมาได้สำเร็จ แต่ผลคือพอวันต่อมานางก็มาถึงจวนอ๋องซู่เรียบร้อย บอกว่ายาพร้อมแล้ว เหลือแค่รอให้หยวนชิงหลิงใช้เสร็จ ก็จะสามารถปลดปล่อยสารยับยั้งได้ อีกทั้ง หลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารยับยั้งอีกต่อไปแล้วด้วย
นอกจากนี้ยังไม่ใช่การฉีดยา แต่เป็นการให้กินยาขนานหนึ่งแทน
ยานี้ดูไปแล้วออกจะแปลก ๆ นิดหน่อย มันเป็นสีแดง มีขนาดใหญ่พอสมควร มีลักษณะคล้าย ๆ กับยาเม็ดที่อู๋ซ่างหวงเคยใช้ตอนที่นางเพิ่งจะมาที่นี่ช่วงแรก ๆ
“แค่ยาเม็ดเดียวนี่น่ะรึ?” หยวนชิงหลิงถาม น้ำเสียงที่ใช้ออกจะคาดไม่ถึงอยู่บ้าง “อย่าได้ดูถูกมันเชียวล่ะ ต่อให้เงินทองนับพันนับหมื่นก็หาซื้อไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” พระชายาจิ้งพูดไปสายตาก็พลางเหลือบมองไปทางอ๋องชินเฟิงอันแวบหนึ่ง อ๋องชินเฟิงอันผินหน้าไปอีกด้าน มีท่าทีอึดอัดขัดข้องใจ แต่ก็รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของเขาอาจจะทำให้ฮองเฮาเกิดความสงสัย จึงหันหน้ากลับมาอีกครั้งแล้วพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น “กินเถอะ มันได้ผลดีแน่นอน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น มันจะทำให้ร่างกายสามารถต้านทานฤทธิ์ยาตัวก่อนหน้าซึ่งเจ้าเคยใช้ได้ หลังจากกินยานี้แล้ว ข้าจะให้ยาเจ้ากินอีกเม็ด ยาเม็ดนั้นถึงจะเป็นยาที่ช่วยละลายสารยับยั้งที่อยู่ในตัวของเจ้า”
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินว่าอ๋องชินเฟิงอันก็พูดแบบนี้ จึงยกน้ำขึ้นเตรียมจะกินยา
“ต้องกินพร้อมเหล้าถึงจะส่งผล” พระชายาจิ้งรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “แบบนี้จะได้ผลดีกว่า”
“อย่างนั้นรึ?” หยวนชิงหลิงหันไปมองอ๋องชินเฟิงอันอย่างสงสัย
แต่ครั้งนี้ คนที่รับผิดชอบตอบคำถามกลับไม่ใช่อ๋องชินเฟิงอัน แต่เป็นกลุ่มชายชราชุดดำ “ใช่แล้ว ใส่ในเหล้าแล้วดื่ม พวกเราเคยกินมาแล้ว”
อ๋า? พวกเขาก็เคยกินมาแล้วด้วยหรือ?
“อื้ม เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งกินไป” พวกเขาพูดเสียงดังราวกับตีฆ้องตีระฆังดังสนั่น
หยวนชิงหลิงใส่ยาลงในเหล้า แล้วกลืนลงไป
ไม่รู้ว่าเป็นผลจากฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะผลของยา แต่นางรู้สึกว่าปากของตัวเองมีกลิ่นหอมอย่างหาใดเปรียบ จากนั้นก็เหมือนมีกระแสน้ำอุ่นๆ สายหนึ่ง ค่อย ๆ เล็ดลอดไปจากส่วนลำคอลงไปสู่กระเพาะ เจ้าความรู้สึกอันอบอุ่นนี้ ค่อย ๆ ไหลเวียนโคจรไปตามแขนขาและกระดูกทุกชิ้นในร่าง ทั้งเนื้อทั้งตัวรู้สึกเบาสบายอย่างสุดจะพรรณนา
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็กินยาเม็ดนี้ตามไปได้เลย” พระชายาจิ้งหยิบยาอีกเม็ดออกมา ยาเม็ดนี้ไม่ใช่ยาเม็ด แต่เป็นแคปซูล
ยาแคปซูลไม่มีตัวอักษร ปลายด้านหนึ่งเป็นสีแดงอีกด้านหนึ่งเป็นสีขาว เหมือนกับแคปซูลทั่วไปที่เห็นในยุคปัจจุบัน ดูไม่เห็นความแตกต่าง
“ยานี้กินกับเหล้าไม่ได้ ต้องใช้น้ำร้อนถึงจะได้ผล” พระชายาจิ้งพูด
หยวนชิงหลิงพยักหน้า แล้วกลืนยาแคปซูลลงไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน
พระชายาจิ้งยิ้มน้อย ๆ ยกมือขึ้นแตะที่หลังคอของนางเบา ๆ “เจ้าน่าจะรู้สึกง่วงนอนแล้ว”
ผลคือ หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าลืมตาไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ นางง่วงมาก เป็นความง่วงที่บอกไม่ถูก ระหว่างที่พระชายาจิ้งช่วยพยุงเอาไว้ นางก็ค่อย ๆ นอนลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย
ก่อนจะผล็อยหลับไป นางได้ยินพระชายาจิ้งพูดมาประโยคหนึ่งว่า “ยาในแคปซูลจะค่อย ๆ ซึมผ่านชั้นเคลือบออกมา ดังนั้นเจ้าจึงต้องนอนหลับ รอเมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปแล้วล่ะ”
นางรู้สึกว่าประโยคนี้ค่อนข้างน่ากลัว แต่นางลืมตาไม่ไหวแล้วจริง ๆ นางง่วงเหลือเกิน เหมือนกับว่าถูกฉีดยาสลบอย่างไรอย่างนั้น ภาพตรงหน้าค่อย ๆ มืดลงทุกที แล้วสุดท้ายก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
เหมือนว่านางกำลังฝัน ฝันว่ามีดอกไม้ไฟจำนวนมากเบ่งบานอยู่ในอากาศ หนึ่งดอก สองดอก สามดอก เพียงไม่นานท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟ นางรู้สึกว่าดอกไม้ไฟเหล่านี้ระเบิดอยู่ในสมองของนาง เปลวไฟแตกกระจัดกระจาย จนสมองของนางเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นางลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่คลองสายตาคือเจ้าห้า
เขาขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปม มีท่าทางกังวลไม่หาย “ตื่นแล้วรึ? รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยวนชิงหลิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา
แต่กลับค่อย ๆ นั่งลงอย่างช้า ๆ หันไปมองรอบ ๆ จากนั้นค่อยมองออกไปที่หน้าประตู
ทุกสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ
อากาศที่ไร้สีไร้กลิ่น นางมองเห็นมันแล้ว ก๊าซทุกชนิดที่อยู่ล่องลอยในอากาศ รวมถึงพลังงานลึกลับชนิดหนึ่งที่ไหลวนพลุ่งพล่าน ดำรงอยู่ในรูปของสสาร
นางหลับตาลง ข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ปัญหามากมายที่ก่อนหน้านี้ขบคิดไม่แตก มาตอนนี้ ทุกอย่างกลับชัดเจนกระจ่างขึ้นมาทันที
“เจ้าหยวน เป็นอะไรไป? อย่าทำให้ข้าตกใจสิ” หยู่เหวินเห้าได้เห็นแววตาที่คล้ายจะงุนงงสับสนของนาง ก็ตกใจจนแทบคุมสติไม่อยู่ “เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนรึ?”