บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1821ถูกเอาคืน
อ๋องจิ้งสองสามีภรรยากับต้าหมอจะเดินทางกลับแล้ว ฮ่องเต้กับฮองเฮาเป่ยถังออกมาส่งถึงประตูเมือง หยวนชิงหลิงกับพระชายาจิ้งร่ำลากันอย่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน นัดหมายที่จะได้พบกันอีก และตอนที่ลากัน ก็อาลัยอาวรณ์อย่างมาก
หลังจากพวกเขาไปแล้ว หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “ยินดีด้วยนะที่เจ้ามีเพื่อนซี้เพิ่มขึ้นอีกคน”
ยังไงก็เป็นคนที่ไปอยู่ยุคปัจจุบันมา ใช้คำศัพท์ยุคปัจจุบันได้คล่องเชียว
“ทำไม? เจ้าสนิทกับแม่ทัพใหญ่จิ้งถิงได้ ข้ามีเพื่อนซี้ไม่ได้หรือ?” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” พูดถึงจิ้งถิง หยู่เหวินเห้าคิดถึงอยู่ตลอด โอบกอดไหล่ภรรยา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าตอนนี้จิ้งถิงกำลังทำอะไรอยู่? เขาไม่ได้มาหาข้านานมากแล้ว ข้าเป็นฮ่องเต้ ไม่เป็นอิสระอย่างยิ่ง ไปหาเขาไม่ได้ เขาก็ไม่รู้จักมาหาข้า”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ หน้าไม่อายจริงๆ เขาเป็นฮ่องเต้ที่ไม่อิสระหรือ? นี่ก็เพิ่งหยุดพักร้อนกลับมาไม่ใช่หรือ?
“เจ้าพูดเช่นนี้ หากโสวฝู่เหลิ่งกับท่านชายสี่ได้ยิน เขาต้องหยุดงานแน่”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เขาไม่ทำอย่างนั้นแน่ เขาไม่มีแม้แต่ภรรยา หากไม่สนใจงานราชสำนัก วันๆจะทำอะไร? ส่วนท่านชายสี่ หากเขาไม่สนใจงานราชสำนัก ก็จะว่างอย่างกับสุนัข”
“ฮ่องเต้หมายถึงโสวฝู่เหลิ่งหรือ?”
ทางด้านข้างบนกำแพงเมือง จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งในชุดทหารพูดขึ้น ดวงตาคู่หวานหันมามอง พร้อมถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าฟังเสียงนี้แล้วก็รู้สึกคุ้นเคย เมื่อหันไปมอง กลับเห็นคนที่เฝ้าประตูเมืองนั้นคือหงเย่ ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอ้าปากค้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า….เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?”
หงเย่ตบดาบบนไหล่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ข้ามาเฝ้าประตูเมือง”
“เจ้าทานอิ่มจนจุกหรือ?” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างประชด
“พนันกับท่านชายสี่ คนที่แพ้ต้องมาเฝ้าประตูเมือง” หงเย่ก้มหน้าก้มตา พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าน่าสงสารว่า “และแล้ว ข้าก็คือคนที่แพ้”
“พนันอะไรกัน ไร้สาระขนาดนี้?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
หงเย่มองดูเขาอย่างโกรธแค้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เราพนันกัน ข้าบอกว่าอย่างน้อยครึ่งเดือนเจ้าถึงจะกลับมา ที่ไหนได้ ไม่ถึงสิบวัน เจ้าก็มาปรากฏตัวในเมืองหลวงแล้ว ดังนั้นข้าจึงแพ้”
หยู่เหวินเห้าเม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “สมน้ำหน้าที่เจ้าแพ้ ข้าจะไปนานขนาดนั้นได้หรือ? ข้าจะทิ้งบ้านเมืองได้นานขนาดนี้หรือ?”
“หากไม่ใช่เพราะอ๋องจิ้งสองสามีภรรยาของต้าซุ่นมา พวกเจ้าจะกลับมาไหม?” หงเย่มองดูพวกเขาอย่างขุ่นเคือง พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าจะชนะแล้ว ไม่งั้นก็จะได้เห็นท่านชายสี่มายืนเฝ้าประตูเมืองแล้ว”
หยู่เหวินเห้าร้องอ้า น่าเสียดายจังเลย หากสามารถได้เห็นท่านชายสี่มาเฝ้าประตูเมือง งั้นถือเป็นบุญของตาจริงๆ
เขาตบบ่าหงเย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าค่อยๆเฝ้าไปนะ ข้าไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
เขาพูดกับหงเย่อย่างจริงจังว่า “เจ้าแต่งตัวแบบนี้เหมาะสมดี ฮ่าๆๆ” หัวเราะอย่างสะใจ
หงเย่หรี่ตามองดูเขา สายตาแห่งการแก้แค้นเป็นประกาย
หยวนชิงหลิงมองเห็นสายตาหงเย่ รู้ว่าเจ้าห้าจะต้องซวยแน่ อยากเห็นจริงๆ
และแล้ว ความซวยก็มาเยือนอย่างรวดเร็ว
วันที่สองไม่ใช่วันขึ้นว่าราชการ เป็นการทำงานอยู่ในห้องทรงพระอักษร
ขุนนางเน่ย์เก๋อหอบฎีกากองโตมาให้ บอกว่าวันนี้โสวฝู่เหลิ่งกับท่านชายสี่ลาหนึ่งเดือน ทุกวันโสวฝู่จะต้องอ่านฎีกาเป็นจำนวนมาก แล้วเลือกที่สำคัญมายื่นให้กับฮ่องเต้ แต่ตอนนี้โสวฝู่ไม่อยู่ ดังนั้น หนึ่งเดือนต่อจากนี้ ล้วนต้องให้ฮ่องเต้ดูด้วยตนเอง
หยู่เหวินเห้าลืมตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมต้องลาหนึ่งเดือน? ทำไมไม่มาลากับข้าโดยตรง?”
“เรียนฮ่องเต้ โสวฝู่กับท่านชายสี่ป่วยทั้งสองคน ไม่สามารถมาร่วมว่าราชการ ไม่สามารถเข้าวังมาได้” ขุนนางเน่ย์เก๋อคนนี้ปาดเหงื่อ ฮ่องเต้แลดูโกรธอย่างมาก
หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลง เหล่าหงเย่ขี้ฟ้อง
เป็นผู้ชายแล้วคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ ถึงว่าไม่มีภรรยา
“ปกติขุนนางเน่ย์เก๋อก็จะดูฎีกาก่อน เลือกที่สำคัญให้กับโสวฝู่ โสวฝู่ค่อยเลือกที่สำคัญให้ข้า พวกเจ้าไปเลือกก่อน” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“ฮ่องเต้ อันนี้ล้วนผ่านเน่ย์เก๋อดูก่อนแล้ว หากยังไม่ผ่านการเลือก เกรงว่าคงจะไม่มีที่วาง”
หยู่เหวินเห้ากลอกตามองบน