บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1826 เปลี่ยนคนไปพูดโน้มน้าว
เรื่องแต่งงานระหว่างหนิงหงเจากับอานจือตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมตรวจดวงวันเกิด แลกของขวัญ รออีกสามปี หนิงหงเจาก็จะมาสู่ขอแต่งงาน
อีกสามปีค่อยแต่งงานกัน เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นมีความสามารถคนหนึ่งสร้างอนาคตของตนเอง และสามารถทำให้คนเป็นพ่อที่แก่แล้วคนหนึ่งพยักหัวยอมรับ
จิ่งเทียนไม่ได้บอกพวกขุนนางถึงเหตุผลที่แท้จริงในการออกเดินทางมาในครั้งนี้ เพียงแค่บอกว่าออกมาตรวจดูแคว้นจินในตอนนี้ หนิงหงเจาเดารู้เอง จึงแอบตามมา เขาก็อยากของขวัญให้กับแหล่งกบดานเหลยถิง
“เจ๋อหลาน……”
จิ่งเทียนกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเจ๋อหลานยิ้มพยักหัว
เมื่อเจ๋อหลานตกลง การไปทะลายโจรในครั้งนี้ก็มีคนเพิ่มขึ้น
เพราะใกล้เมืองหลวงของแคว้นจิน และผ่านเส้นทางหลักของเป่ยถัง ถนนทั้งหมดได้รับการซ่อมแซมอย่างสวยงามมาก เก็บกวาดได้อย่างสะอาด ทิวทัศน์ระหว่างทางก็สวยงามมากเช่นกัน
จิ่งเทียนตื่นเต้นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาอย่างไม่คำนึงถึงสถานะของตนเอง ตื่นเต้นกับทุกสิ่งอย่าง มีเรื่องพูดกับเจ๋อหลานอย่างไม่จบสิ้น
เหลิ่งหมิงหยู่หอบดาบแล้วเดินตามอยู่ข้างหลังทั้งสองคน พูดคุยกับพวกเขาเป็นบางครั้ง เมื่อเทียบกันแล้ว จิ่งเทียนกลับดูเหมือนเป็นเด็กเสียมากกว่า
หนิงหงเจาไม่ไปรบกวนพวกเขาอย่างรู้ตัว พามู่โถวเดินตามอยู่ข้างหลังสุด
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ มู่โถวที่ปกติจะตัวติดเขาไปไหนก็จะไปด้วย เริ่มหลบอยู่ข้างหลังเขามาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้ ก้มหน้าก้มตาพร้อมพูดว่าปวดตา อยากกลับจวนแล้ว
“ทำไม?” เจ็บลูกตาที่จ้องโตเหมือนดั่งระฆังทอง? หนิงหงเจาไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยสักนิด
และแล้ว มู่โถวเม้นริมฝีปาก บิดตัวไปมา ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณชาย ถ้าข้าบอกแล้วท่านอย่าโกรธนะ”
“อืม”
“วันนั้นท่านให้ข้าหยุด ข้าไปซื้อของกินเยอะมาก แล้วไปเจอกับเจ้าหญิงเจ๋อหลานกับคุณชายน้อยเหลิ่งน้องชายของนางพอดี ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าเขาคือคุณชายน้อยเหลิ่ง ข้าจึงไปท้าประลองกับเขา ยังข่มขู่เจ้าหญิง” มู่โถวก้มหน้าก้มตา ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเล็กลง
หนิงหงเจาอึ้ง เหมือนจะจำวันนั้นได้ มู่โถวกลับมาพร้อมกับตาบวมสองข้าง บอกว่าไปฝึกฝีมือการต่อสู้กับจู้จื่อแล้วถือจู้จื่อทำร้าย ตอนนั้นเขามีเรื่องสำคัญต้องคิด จึงไม่ได้ถามอะไรมาก ที่ไหนได้เขาไปมีเรื่องกับคนอื่นมา
เขาเอื้อมมือไปเขกหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้นเขาก็สู้กับข้าอย่างดุเดือด ข้ายอมแพ้แล้วยกขนมทั้งหมดให้เขา เขาไม่เอา แต่คุณชายเคยบอกไว้ว่าลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ข้าจึงโยนให้กับเขาแล้วก็วิ่งไป แต่ข้าเห็นเขาแบ่งให้กับขอทานน้อย ตนเองไม่ได้กิน” ใบหน้ามู่โถวบูดเบี้ยวเป็นวงกลม พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นว่า “หากเขาคิดแค้น ไปฟ้องฮ่องเต้ของเรา จะทำยังไง?”
หนิงหงเจา เอื้อมมือไปเขกหัวเขาอีกสองที พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังรู้ตัวว่าไปหาเรื่องคนอื่น ไปขอโทษคนอื่นเลย”
“ต่อไปข้าไม่กล้าแล้ว” มู่โถวเอามือกุมหัว น้ำตาคลอเบ้า พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้าไปขอโทษเขา ให้เขาต่อยตีข้าอีกครั้งเพื่อระบายความโกรธ”
พูดแล้ว มู่โถวก็รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่พร้อมยอมตาย
หนิงหงเจาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หากคนอื่นคิดแค้น จะรอถึงตอนนี้หรือ แต่ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับเขาก็ถือเป็นสิ่งดี ต่อไปไปไหนก็จะได้วางใจ
พอดีที่เจ๋อหลานกับจิ่งเทียนพูดคุยกันถึงหนิงหงเจา จึงเรียกหนิงหงเจาไปหา
“เสี่ยวหนิง เจ้ามาเล่าเรื่องแหล่งกบดานเหลยถิงที่เจ้าพอรู้ที”
“ขอรับ”
ตามข้อมูลที่ได้มาแล้วตอนนี้ ผู้นำแหล่งกบดานเหลยถิงคือเลี่ยวป้าเทียน เดิมเป็นคนเป่ยโม่ ดูแลสำนักคุ้มภัย ถึงแม้จะตัวเล็ก แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อสามสิบปีก่อน เขาได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้าผู้มั่งคั่งให้พาลูกสาวไปแต่งงานยังเมืองใกล้เคียง ในระหว่างการเดินทาง เขาแอบคิดร้ายกับลูกสาวของพ่อค้าผู้มั่งคั่ง จึงได้ฆ่าผู้ติดตามทั้งหมด แล้วก็ปลอมเป็นโจรภูเขามาลักพาตัวไป เมื่อลักพาตัวไปแล้วก็กักขังคุกคามจนตาย หลังจากถูกพ่อค้าผู้มั่งคั่งแจ้งความ ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับทางการ แล้วหลบหนีความผิด จนมาถึงภูเขาพีลี่แล้วก่อตั้งเป็นโจร จากนั้นก็รับผู้หลบหนีความผิดมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไม่น้อย คนพวกนี้ไม่มีความเลวอะไรที่ไม่ทำ อุกอาจยิ่งนัก ปีนั้นหลังจากที่ยึดครองภูเขาแล้ว ก็ทำการปล้นหมู่บ้านโดยรอบ พวกผู้ชายถูกควักตาล้วงลิ้นแล้วให้ทำงานหนัก พวกผู้หญิงถูกคุกคามเห็นเป็นของเล่น ตรงเชิงภูเขาพีลี่เป็นถนนสายหลัก ขบวนคนเดินผ่านไปมาก็ไม่ยกเว้น แม้แต่ขบวนของขุนนางเป่ยโม่ก็เคยถูกปล้น สุดท้ายต้องจ่ายค่าไถ่เป็นจำนวนมากเพื่อแลกสิ่งของคืน
ขุนนางเป่ยโม่ก็เกรงกลัว พวกเขาเคยส่งทหารมาสิบสองครั้ง สุดท้ายก็กลับมือเปล่า ต่อมาจึงปล่อยวาง แล้วเสียค่าผ่านทางอย่างสูงทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
“เขานามสกุลเลี่ยว โจรหญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของเขาหรือ?” เจ๋อหลานถามขึ้น เพราะเลี่ยวหงจวงคนนั้น มีความมั่นใจจนทำให้จำได้อย่างลึกซึ้ง
หนิงหงเจาพูดตอบว่า “ใช่ขอรับ”
เจ๋อหลานพยักหัว พวกเลี่ยวหงจวงถูกท่านลุงสี่ฆ่าประจานแล้ว มีความแค้นที่ลูกสาวถูกฆ่า “เห็นทีจะเก็บเลี่ยวป้าเทียนไว้ไม่ได้แล้ว”
“เดิมทีไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขาหรือ?” หนิงหงเจาอึ้งไปสักพัก แล้วจ้องมองจิ่งเทียนกับเจ๋อหลาน
“อืม แต่เชือดไก่ให้ลิงดูได้” ยังไงก็ไม่ได้อยากกำจัดโจรให้คนอื่นอย่างสูญเปล่า แค่ต้องการที่จะสั่งสอน เดิมทีนางคิดที่จะใช้แผนการอ่อนโยน อย่างเช่นให้จิ่งเทียน ไปสั่งสอนให้อีกฝ่ายสงบ แล้วนางค่อยไปพูดโน้มน้าว ชักจูงมาเป็นพรวนเมื่อตอนที่อีกฝ่ายซาบซึ้งใจ แต่ตอนนี้ จะต้องฆ่าเลี่ยวป้าเทียนคนนี้ แล้วค่อยเปลี่ยนคนไปพูดโน้มน้าว