บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1829 แม่ทัพหลี่ที่ประตูเมืองคนนั้น
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1829 แม่ทัพหลี่ที่ประตูเมืองคนนั้น
สวีอีหัวเราะ ฟันปลอมเป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไงฮ่องเต้อยู่ที่ไหนกระหม่อมก็อยู่ที่นั่น”
การประนีประนอมของหยู่เหวินเห้าในครั้งนี้ บอกให้รู้เพียงพวกอ๋องชิน เพื่อนพ้องขุนนางในราชสำนักที่ไว้ใจเท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปลอมตัว แต่หยู่เหวินเห้าคิดว่า จะให้ปลอมตัวก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแต่งงานให้เป็นคนแก่ นี่เป็นความใจแคบเฉพาะของเหลิ่งจิ้งเหยียน
ในฐานะที่กู้ซือเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท รับผิดชอบไปส่งพวกเขา
ขบวนเสด็จกองเกียรติยศ ไม่มี
ขี่ม้า เป็นไปไม่ได้
ในฐานะที่เป็นคนทำผิดกฎในค่ายทหาร ถูกส่งมาเฝ้าประตูเมือง พวกเขาจึงจำเป็นต้องเดินทางไปถึงประตูเมืองเท่านั้น
โชคดีที่มีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ตลอดทางที่เดินมาจึงไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อย ถ้าไม่มีเสียงของกู้ซือคอยรบกวนในบางครั้ง ตลอดทางที่เดินมานี้จะมีความสุขด้วยซ้ำ
หยู่เหวินเห้าถามสวีอีว่า “เดินทางสบายไหม?”
“สบาย” สวีอีพูดขึ้นอย่างเสียงดัง
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น” หยู่เหวินเห้าพยักหัว ถึงว่าทำไมคนที่บ้านเจ้าหยวนส่วนมากถึงชอบไปเดินออกกำลังกายกัน สบายมากจริงๆ ต่อไปจะเดินเล่นภายในวัง
กู้ซือกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้าเอ๋ย คำเรียกตนเองต้องแก้นะ แม่ทัพหลี่ที่ดูแลเฝ้าประตูเมืองไม่ธรรมดานะ บรรพบุรุษสามชั่วอายุคนรับใช้เป็นยามที่ประตูเมือง ซื่อสัตย์และรักชาติ เห็นประตูเมืองเป็นเหมือนดั่งบ้านของตนเอง หากเจ้ากล้าเรียกตนเองเช่นนี้ต่อหน้าเขา ระวังจะโดนทุบปากแหลก”
“ใช่ ฮ่อง…หวงหวู่หลาง ข้ารู้จักแม่ทัพหลี่คนนั้น เข้มงวดและหัวโบราณ ยืนกรานด้วยเหตุผล” สวีอีรีบผลขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “อืม สวีต้าหลาง ข้าชอบคนแบบนี้ ค่อยดูว่ามีโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่งไหม ครอบครัวที่ซื่อสัตย์และรักชาติเช่นนี้ ควรให้ความสำคัญ”
กู้ซือส่งพวกเขามาถึงประตูเมือง แล้วได้เจอแม่ทัพหลี่คนนั้น
เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยบอกแม่ทัพหลี่แล้ว ดังนั้นเมื่อตอนนี้มาถึง หลังจากแม่ทัพหลี่กวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วก็ทำความเคารพกู้ซือ
กู้ซือพูดขึ้นว่า “รบกวนแม่ทัพหลี่สั่งสอนพวกเขาด้วย ข้าไปก่อนล่ะ”
“ใต้เท้ากู้เดินทางปลอดภัย” แม่ทัพหลี่ยกมือประสานส่ง
ส่งกู้ซือไปแล้ว แม่ทัพหลี่หันกลับมา คิ้วสองข้างขมวดติดกัน ดูเคร่งขรึมและดุร้าย สวีอีเห็นแล้ว รีบส่งยิ้มอย่างสุดชำนาญ พร้อมพูดขึ้นว่า “สวัสดีแม่ทัพหลี่”
ที่ว่าเหยียดมือไม่ตีหน้ายิ้ม ยิ้มเข้าไว้ยังไงก็ดีเสมอ
“หุบยิ้มทะเล้นของเจ้าเสีย” แม่ทัพหลี่ไม่เป็นมิตรเลยสักนิด พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าทำอะไรผิดในค่ายทหาร แต่ในเมื่อถูกส่งมาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของข้า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของข้า”
“ปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามแน่นอน” สวีอีรีบพูดขึ้น พร้อมยิ้มหน้าบาน พยายามให้แม่ทัพหลี่เห็นถึงความเป็นมิตรของเขา
“ข้อแรก ห้ามยิ้ม” แม่ทัพหลี่เตะเท้าของเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ยืนตรง เอวตรง เงยหัวขึ้น ยึดอก เคร่งขรึม คนเข้าออกประตูนี้อย่างมากมายทุกวัน หนึ่งในนั้นมีพ่อค้าต่างแดนด้วย ต้องให้พวกเขารู้ว่า พวกเราเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ อานุภาพอันยิ่งใหญ่อลังการ”
เขาพูดเสร็จแล้วก็หันไปมองหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้ายืนตัวตรง ยึดอกตรง ใบหน้าไม่ยิ้มแย้ม แม้จะผ่านการปลอมตัว แต่ความน่าเกรงขามของการเป็นฮ่องเต้นั้นปิดไม่มิด แม่ทัพหลี่พอใจอย่างมาก
เขาเอามือไขว้หลัง คิ้วดกยกสูง พร้อมพูดขึ้นว่า “รายงานชื่อมา”
“หวงหวู่หลาง”
“สวีต้าหลาง”
“พวกเจ้าเริ่มเข้าเวรเฝ้าตั้งแต่ตอนเที่ยง จนถึงเที่ยงคืน หลังจากเปลี่ยนเวรตอนเที่ยงคืนต้องรายงานสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยจากไป รู้ไหม?”
“รับทราบ” หยู่เหวินเห้ากับสวีอีตอบเสียงดัง
แม่ทัพหลี่พอใจมาก เขาชอบเสียงที่ดังฟังชัดอย่างมาก โดยเฉพาะคนแก่ทั้งสองคนนี้ยังสามารถเปล่งเสียงได้ดังฟังชัดขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าฝึกฝนมาดี
งานเฝ้าประตูเมืองค่อนข้างน่าเบื่อ เพียงแค่คอยเฝ้าดู ห้ามบุคคลน่าสงสัยเข้าเมือง หากพบคนที่ค่อนข้างน่าสงสัย ยังต้องสอบสวนเสียก่อน
และยังมีอย่างหนึ่งที่สำคัญ นั่นก็คือภายในห้องเฝ้ารักษาการณ์ มีรูปภาพคนร้ายต้องนำจับ พวกเขาต้องไปทำความรู้จัก หากพบคนน่าสงสัย จะต้องจับตัวไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน