บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1833 โสวฝู่ใจแคบ
แม่ทัพหลี่สั่งคนไปตักน้ำมาทันที
หลังจากตักน้ำมาแล้ว เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำแล้วก็เช็ดบนใบหน้าของหูฮวา หลังจากเช็ดแล้ว หนังหน้าปลอมจึงซ่อนไว้ไม่มิด ถูกเช็ดตกลงมาก
หนังหน้าปลอมไม่ละเอียดเลยสักนิด แค่ฝุ่นเยอะไปหน่อย ทำให้แลดูมีฝุ่นเปื้อนเท่านั้น
หูฮวาเห็นว่าใบหน้าที่แท้จริงถูกเปิดเผย ในที่สุดก็ตกใจจนเข่าอ่อน ร้องขอชีวิตอย่างที่สุด
หลังจากแม่ทัพหลี่มองเขาด้วยตาขวาง แล้วก็ใช้สายตาที่ชื่นชมมองดูหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “หวงหวู่หลาง เจ้าช่างไม่ธรรมดาจริงๆ สวมหนังหน้าปลอมเจ้ายังสามารถดูออก”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “หนังหน้าปลอมสามารถปกปิดได้เพียงภายนอกเท่านั้น โหนกแก้มไม่เปลี่ยน ภาพวาดของหูฮวาโหนกแก้มโดดเด่น โหนกแก้มเป็นสิ่งที่ปกปิดไม่ได้ ดังนั้นต่อให้สวมหนังหน้าปลอม ก็ปิดไม่มิด”
“คนที่มีโหนกแก้มสูงมีเยอะแยะ สามารถดูออกได้อย่างไร?” แม่ทัพหลี่ชื่นชมอย่างมาก ยังไงเขาก็ดูไม่ออก
“เพราะเท้าของเขาที่บาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องเท็จ ดูรองเท้าเขาสิ” หยู่เหวินเห้าชี้ไปที่รองเท้าของเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “หากเท้าพิการ ตอนที่เดินน้ำหนักก็จะหนักไปทางข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้รองเท้าข้างหนึ่งสึกหรอหรือเสียรูปอย่างร้ายแรง แต่ของเขาไม่มี”
ทุกคนหันไปมองรองเท้าของเขา แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง
“อีกอย่าง ดูไม้ค้ำยันของเขา” หยู่เหวินเห้าเอื้อมมือไปคว้ามา วางตรงหน้าแม่ทัพหลี่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาได้รับบาดเจ็บมาสามเดือน ตลอดการเดินทางมาเมืองหลวงก็ต้องใช้ไม้ค้ำยัน ดังนั้นตรงด้ามจับก็จะต้องลื่น สีก็จะต้องแตกต่างจากบริเวณอื่น แต่พวกเจ้าดูไม้ค้ำยันพวกนี้สิ ใหม่ทั้งด้าม เห็นได้ชัดว่าเพิ่งซื้อก่อนที่จะเข้าเมืองหลวง”
ทุกคนต่างนับถือ แม่ทัพหลี่ยิ่งตื่นเต้นอย่างที่สุด เพราะประตูเมืองสามารถจับตัวคนร้ายได้อีกคนแล้ว
เขาตบไหล่หยู่เหวินเห้า ตกอย่างแรงหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “เจ้าวางใจ ข้าจะพูดชื่นชมเจ้าต่อหน้าอ๋องฉีอย่างแน่นอน ทั้งนี้เป็นผลงานของเจ้า หวังว่าเจ้าจะสามารถถูกย้ายกลับค่ายทหารโดยเร็ว”
หยู่เหวินเห้าถูกตบบ่าจนชา เมื่อพูดว่าขอบคุณแล้ว ก็หันไปพูดกับสวีอีว่า “เจ้าพาตัวเขาไปยังกรมการพระนคร เอาไปให้เจ้าเจ็ด….อ๋องฉี”
“พี่จุ่ย ข้าไปกับเจ้า เผื่อเขาคิดนี้ระหว่างทาง” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
สวีอีกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าชื่อสวีต้าหลาง เรื่องนำส่งคนร้ายแบบนี้ ข้าไปคนเดียวก็พอ พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ”
พูดเสร็จ เขาก็พาตัวคนร้ายไป
แม่ทัพหลี่ยังอยู่ในอาการตื่นเต้น ตบบ่าหยู่เหวินเห้าอยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ามีความสามารถจริงๆ แบบนี้ก็สามารถดูออก อีกอย่าง เอกสารนำจับข้างในเจ้าดูเพียงรอบเดียวก็สามารถจำได้แม่นขนาดนี้ อนาคต เจ้ายังสามารถที่จะไปคลี่คลายคดีให้กับกรมการพระนคร”
หยู่เหวินเห้ายิ้มแต่ไม่พูดอะไร คลี่คลายคดีกรมการพระนคร? งานก่อนที่ข้าจะเป็นฮ่องเต้ ก็ถือดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร
รอหลังจากพวกเขาเลิกงานแล้ว แม่ทัพหลี่ก็เอาเรื่องนี้ไปรายงานกู้ซือทันที กู้ซือเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เป็นผู้บังคับบัญชาของแม่ทัพหลี่ เขาอยากที่จะให้กู้ซือรู้ถึงความสามารถของหวงหวู่หลางโดยเร็ว
กู้ซือกลับไม่ตื่นตระหนกตกใจเลยสักนิด พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ด้วยความสามารถของเขา แค่จับตัวคนร้ายคนเดียว เหมือนเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน”
แม่ทัพหลี่ตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่หรือ? หรือว่าเขาเป็นทหารเก่าที่เคยผ่านสึกมาก่อน?”
“อืม เคย”
แม่ทัพหลี่ยืนตรงทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างน่าชื่นชมจริงๆ แต่ทำไมถึงกระทำผิดล่ะ? เขาทำอะไรผิดกันแน่หรือ?”
กู้ซือหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ล่วงเกินโสวฝู่”
“ล่วงเกินโสวฝู่?” แม่ทัพหลี่คิดดว่าโสวฝู่น่าจะเป็นขุนนางที่ใจกว้างคนหนึ่ง จึงถามขึ้นว่า “ล่วงเกินอย่างไรหรือ?”
“พูดจาผิดไป” กู้ซือก็ไม่อยากพูดอะไรกับเขามาก จึงพูดขึ้นว่า “เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจดจำไว้”
แม่ทัพหลี่จึงขอลากลับ
แต่ในใจไม่เป็นสุขอย่างมาก แค่พูดจาผิดไป ก็ให้คนแก่คนหนึ่งที่เคยผ่านศึกสงครามมาเฝ้าประตูเมือง ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก
ไม่ได้ ในเมื่อหวงหวู่หลางถูกส่งมาอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา เขาจะยอมเห็นหวงหวู่หลางแก่เฒ่าไปแบบนี้ไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็รีบขี่ม้าตรงไปยังจวนโสวฝู่ เขาจะไปพบโสวฝู่
ในใจยังคงตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเขายังไม่เคยพูดคุยกับโสวฝู่ที่เป็นขุนนางใหญ่โต แค่เคยเห็น คิดว่าโสวฝู่สง่างาม สุภาพอ่อนโยน รูปงามหล่อเหลา
แต่นี่ไม่สำคัญ ในฐานะที่เป็นถึงโสวฝู่ ทำไมถึงได้ใจแคบขนาดนี้?