บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1834 เขาก็คือฮ่องเต้
มาถึงจวนโสวฝู่ เมื่อแจ้งสถานะของตนเอง คนเฝ้าประตูได้ยินว่าเป็นแม่ทัพหลี่ดูแลเฝ้าประตูเมือง มาหาตอนดึกดื่น นึกว่ามีเรื่องสำคัญ จึงรีบเข้าไปรายงาน
สักพัก แม่ทัพหลี่ก็ได้เข้ามาในจวน เห็นโสวฝู่เหลิ่ง….กับลิงหนึ่งตัว
ลิงตัวนั้นยืนอยู่บนไหล่ของโสวฝู่เหลิ่ง หนึ่งขี้เหร่หนึ่งรูปงาม เดิมไม่เหมาะสมกัน แต่แม่ทัพหลี่กลับไม่มีความรู้สึกขัดกัน
“แม่ทัพหลี่ มาหาค่ำขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือ? นั่งลงคุยกันก่อน” เหลิ่งจิ้งเหยียนถามขึ้น
แม่ทัพหลี่ได้สติกลับมา รีบทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อมถวายบังคมโสวฝู่”
หัวใจเต้นแรง นี่คือขุนนางคนใหญ่คนโต เขาเป็นขุนนางระดับสูงรองจากฮ่องเต้
“พูดธุระมาเลย” เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้น
แม่ทัพหลี่ได้ยินน้ำเสียงของเขาอ่อนโยน รู้สึกว่าโสวฝู่ก็เป็นคนที่พูดง่ายคนหนึ่ง เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงพูดขึ้นว่า “คือว่า คืนนี้ที่ประตูเมืองจับฆาตกรหลบหนีได้หนึ่งคน”
“ฆาตกรคนนี้เป็นใคร? แม่ทัพหลี่ถึงต้องมารายงานข้าดึกดื่นขนาดนี้”
แม่ทัพหลี่พูดขึ้นว่า “อาชญากรผู้หลบหนีคนนี้โหดร้ายอย่างมาก แต่กระหม่อมไม่ได้มาเพื่ออาชญากรคนนี้ แต่มาเพื่อคนที่จับตัวคนร้ายได้ นั่นก็คือหวงหวู่หลาง”
“อืม?” โสวฝู่เหลิ่งมองดูสีหน้าที่จริงจังของเขา หวงหวู่หลาง? เขารู้จักหรือ?
เขางานยุ่งขนาดนี้ จะจำคนเฝ้าประตูคนหนึ่งที่ชื่อหวงหวู่หลางได้อย่างไร?
แม่ทัพหลี่พูดขึ้นว่า “คืนนี้กระหม่อมไปพบใต้เท้ากู้มา จึงได้รู้ว่าหวงหวู่หลางคนนี้ พูดจาเสียมารยาทล่วงเกินโสวฝู่ จึงถูกส่งไปเฝ้าประตูเมือง และหวงหวู่หลางคนนี้ไปผ่านศึกสงครามมา เคยฆ่าศัตรู มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ขอร้องโสวฝู่เหลิ่ง เห็นแก่ที่เขาสำนึกผิดแล้ว เปิดใจกว้าง ยอมให้เขากลับไปปฏิบัติงานในค่ายทหารเถอะ”
โสวฝู่เหลิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? หวงหวู่หลางคนนั้นล่วงเกินข้า ถูกลงโทษ….”
เขาหยุดพูด แล้วก็เข้าใจขึ้นมาในทันที หวงหวู่หลางคนนั้นก็คือเจ้าห้า
แม่ทัพหลี่พูดขึ้นว่า “โสวฝู่ กระหม่อมคิกว่า เป็นคนควรที่จะมีใจกว้าง ควรที่จะเคารพคนที่เคยผ่านศึกสงครามเพื่อราชสำนัก ข้าเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอโสวฝู่ให้อภัยเขาเถอะ”
“แม่ทัพหลี่ เจ้ารู้ไหมว่าหวงหวู่หลางเป็นใคร?” เสียงใสเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอกประตู
แม่ทัพหลี่หันกลับไปมอง เห็นเพียงผู้ชายชุดแดงคนหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งแม่ทัพหลี่รู้จักเขา เคยเห็นหลายครั้ง รู้ว่าเขาเป็นใคร
เขารีบทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมใต้เท้าหงเย่”
เจอคนใหญ่คนโตมากมายพร้อมกันขนาดนี้ ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
หงเย่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพหลี่ หวงหวู่หลางเคยไปสนามรบก็จริง และก็เคยฆ่าศัตรู แต่เขาทำเพื่อปกป้องแผ่นดินของตนเอง ข้าก็เคยไปสนามรบ แต่ข้าไปเพื่อปกป้องแผ่นดินของเขา จะว่าไปแล้ว เขาควรที่จะขอบคุณข้ากับโสวฝู่ ช่วยเขาปกป้องแผ่นดินนี้มาเป็นเวลาหลายสิบ”
แม่ทัพหลี่มองดูคุณชายหงเย่อย่างสงสัย ทำไมใต้เท้าหงเย่พูดมาแต่ละคำเขาล้วนฟังไม่เข้าใจ แต่เชื่อมโยงกันแล้ว ก็ไม่เข้าใจ?
เหลิ่งจิ้งเหยียนก็หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพหลี่ คนที่ไปพร้อมกับหวงหวู่หลางคนนั้น สวี….”
“สวีต้าหลาง?” แม่ทัพหลี่รับคำ ท่าทียังคงงุนงง
“เขาชื่อสวีอี ราชองครักษ์พกดาบ และทั้งครอบครัวก็ล้วนอาศัยอยู่ในวัง”
แม่ทัพหลี่เบิกตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาก็คือใต้เท้าสวี? ใต้เท้าสวีแก่ขนาดนี้เลยหรือ? กระหม่อมเคยเห็นใต้เท้าสวี รูปลักษณ์ไม่ได้เป็นแบบนี้”
“เขาปลอมตัว” เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดขึ้น
“ทำไมจะต้องปลอมตัวไปที่ประตูเมือง?” หัวใจแม่ทัพหลี่แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ต้าจุ่ยก็คือใต้เท้าสวี? ต้องรู้ว่าเขาเคารพนับถือใต้เท้าสวีอย่างมาก เพราะใต้เท้าสวีได้ร่วมเป็นร่วมตายกับฮ่องเต้ ปกป้องฮ่องเต้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
“เพราะเขาต้องปกป้องฮ่องเต้” หงเย่ยิ้มพูด
“ในเมื่อจะปกป้องฮ่องเต้ ทำไมถึงไม่เฝ้าอยู่ในวังล่ะ?” หัวสมองของแม่ทัพหลี่ยังคงหมุนไม่ทัน ที่ยังหมุนไม่ทัน เพราะเขาคิดว่าฮ่องเต้ไม่มีทางไปที่ประตูเมือง
หงเย่มองดูเขาอย่างหงุดหงิด พร้อมพูดคำว่า “เพราะฮ่องเต้อยู่ที่ประตูเมืองไง หวงหวู่หลางคนนั้น ก็คือฮ่องเต้”
แม่ทัพหลี่แข็งทื่อไปทั้งตัว
หัวสมองว่างเปล่า กางฝ่ามือออกอย่างสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นพึมพำว่า “โอ้พระเจ้า มือของข้าเคยตบบ่าของฮ่องเต้ ข้ายังตบอย่างแรง แต่ดูแล้วก็ไม่เหมือนเป็นฮ่องเต้ เขาก็ปลอมตัวหรือ? โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า”
แม่ทัพหลี่รู้สึกว่าตนเองแทบยืนไม่ไหวแล้ว อ่อนล้าไปทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด หัวใจจ่อมาถึงคอ เขาใช้แรงตบบ่าฮ่องเต้อย่างแรง