บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1835 ฮ่องเต้เป็นห่วงข้ามาก
เดิมโสวฝู่คิดว่าบอกสถานะฮ่องเต้ให้แม่ทัพหลี่รู้ อาจจะส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้ แต่ไหนๆก็พูดแล้ว เมื่อคิดดูก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร จึงพูดกับแม่ทัพหลี่ที่ดูซื่อๆว่า “ฮ่องเต้ไม่ได้ไปเฝ้าประตูเมืองเพราะล่วงเกินข้า ฮ่องเต้ต้องการเข้าใจความรู้สึกของประชาชน ดูผู้คนที่เดินทางไปมาในเมืองหลวง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงทำการปลอมตัวไป เรื่องนี้เจ้ารู้ก็พอ ห้ามพูดออกไป”
จู่ๆแม่ทัพหลี่ก็จริงจังขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อมไม่พูดออกไปแน่นอน หากพูดออกไป ฮ่องเต้จะตกอยู่ในอันตราย กระหม่อมจะปกป้องฮ่องเต้ให้ดีที่สุด”
“ดี ห้ามบอกฮ่องเต้ด้วย ไม่อย่างนั้นฮ่องเต้รู้ว่าเจ้าดูออกแล้ว เขาจะไม่พอใจ”
“ไม่พูด กระหม่อมไม่พูด”
“ดี เจ้ากลับไปเถอะ” โสวฝู่ยิ้มมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับไปพักผ่อนเช้าหน่อย ดึกมากแล้ว”
“กระหม่อมทูลลา” แม่ทัพหลี่ยกมือประสานแล้วหันตัวเดินจากไป มองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ท่าทีมุ่งมั่น ฝีเท้ามั่นคง
หลังจากเดินออกไปแล้ว ฝีเท้าเริ่มเบาลอยขึ้น ราวกับยืนอยู่บนปุยฝ้าย คดเคี้ยวสองครั้ง
“แม่ทัพหลี่ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หงเย่ร้องพูดอยู่ข้างหลังเขา
แม่ทัพหลี่ยืนตรง โบกมือไปข้างหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เมาเล็กน้อย ใจลอยแค่นั้นเอง”
ตัวแทบลอยแล้ว ย้าๆๆ ชั่วชีวิตนี้เพียงพอแล้ว เสียดายที่กลับไปพูดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหลุมศพบรรพบุรุษคงจะผุดควันเขียวขึ้นมาแล้ว
แต่นี่เป็นความลับระหว่างเขากับฮ่องเต้ ห้ามบอกคนอื่น เป่ยถังจะมีกี่คนที่มีความลับกับฮ่องเต้?
คาดว่าแม้แต่ใต้เท้าสวีก็ไม่มี เขาเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากใต้เท้าหลี่กลับไปแล้ว ก็นอนไม่หลับทั้งคืน นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ หวนคิดถึงภาพที่ได้อยู่กับฮ่องเต้ที่หน้าประตูเมือง
เขาน่าจะดูออกแต่แรกแล้ว ในเป่ยถังจะมีกี่คนที่ขยันเหมือนอย่างฮ่องเต้ของเขา? วันแรกที่มาถึงประตูเมือง ดูเอกสารนำจับพวกนั้นอย่างแทบไม่ดื่มไม่พัก
ขยันมากจริงๆ
อีกอย่าง จะมีกี่คนที่สายตาดีเหมือนฮ่องเต้ของเขาแบบนั้น คนร้ายปลอมตัว มองแวบเดียวก็ดูออกเลย
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ใต้เท้าสวีกับฮ่องเต้เข้าใจกันโดยปริยายจริงๆ ฮ่องเต้แค่พูดประโยคเดียว ใต้เท้าสวีก็กระโจนเข้าไปทันที การรู้ใจกันโดยปริยายนี้หากไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเป็นยี่สิบกว่าปีคงทำไม่ได้
สิ่งที่เขาสู้ใต้เท้าสวีไม่ได้ ก็คือเขาไม่ได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้
“เจ้าไม่นอนแล้วมาทำอะไรที่นี่? อากาศร้อนขนาดนี้ น้ำก็ไม่อาบ เป็นจะตายอยู่แล้ว เจ้าไปอาบน้ำ…..”
“ไม่ต้องแตะมือข้า” แม่ทัพหลี่ร้องพูดขึ้น กระโดดขึ้นจากเตียงเหมือนอย่างปลาคาร์พ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่อาบน้ำ ปีนี้จะไม่อาบ รังเกียจข้า? งั้นข้าไปนอนบนเก้าอี้”
ฮูหยินหลี่อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ผีเข้าหรือ?”
นางลุกขึ้นมองดูเขานั่งบนเก้าอี้อย่างมีความสุข เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยิ้มอย่างมีความสุข นางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ท่าทีแบบนี้นางเคยเห็น ตอนที่น้องชายตนเองมีอนุภรรยา เขาก็ยิ้มหวานเยิ้มแบบนี้แหละ
ฮูหยินหลี่เป็นคนอารมณ์รุนแรง ลุกขึ้นมาชกไปที่เบ้าตาของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ข้าคลอดลูกให้กับเจ้าตั้งสี่คน เจ้ายังกล้าคิดที่จะมีอนุภรรยาหรือ?”
เช้าวันที่สอง แม่ทัพหลี่มาที่ประตูเมืองพร้อมขอบตาดำคล้ำกับรอยข่วนบนใบหน้า
อับอาย? ไม่รู้สึก เขารู้สึกเป็นเกียรติ เมื่อคืนโดนทั้งหมัดทั้งคมเล็บ เขาก็ไม่เปิดเผยความลับที่มีกับฮ่องเต้ เหนียวแน่นอย่างมาก
รอจนถึงเที่ยง เขาไปซื้อพวกน้ำชามารอด้วยตนเอง สักพักก็เห็นฮ่องเต้กับใต้เท้าสวีอี
ในใจเขาตื่นเต้นอย่างมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาแทบไหล เขาได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ขนาดนี้ แม้แต่ในฝันก็ไม่กล้าคิด
รีบเทน้ำชาหนึ่งถ้วย ยื่นให้กับฮ่องเต้ด้วยมือสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่อง…หวู่หลาง เจ้ามาแล้วหรือ ร้อนไหม? กระหายไหม? เข้ามาดื่มน้ำชาก่อน เป็นชาดอกไม้แก้ร้อนใน”
“จริงหรือ? ข้ากระหายมากเลย” สวีอีรับมาอย่างดีใจ ดื่มลงคอไปจนหมด พร้อมถามขึ้นว่า “แม่ทัพหลี่ ยังมีอีกไหม?”
แม่ทัพหลี่เม้นริมฝีปาก ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาก็ชื่นชมใต้เท้าสวี แต่วันนี้เขาอยากทุบใต้เท้าสวี
“แม่ทัพหลี่ หน้าของเจ้า” หยู่เหวินเห้ามองดูสีหน้าที่ย่ำแย่ของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฮ่องเต้สังเกตเห็นใบหน้าของเขาด้วย? นี่ฮ่องเต้เป็นห่วงให้ความสำคัญเขาหรือ?
เขาตื่นเต้นจนปากสั่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร แค่ถูกแมวข่วน”