บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1836 หวังว่าพวกเรายังจะได้เจอกันอีก
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1836 หวังว่าพวกเรายังจะได้เจอกันอีก
หยู่เหวินเห้าคิดได้ว่าเจ้าหยวนเตรียมยาผงไว้ให้เขาตลอด ใช้ดีอย่างมาก จึงเอาออกมาให้เขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ยานี้ใช้กับบาดแผลดีมาก เจ้าเอาไว้ใช้ เช้าเย็นทาครั้งหนึ่ง ไม่ต้องถูหนาจนเกินไป ยังไงบาดแผลที่ถูกแมวตัวเมียข่วนก็ไม่ลึก แต่ไม่น่ามองเท่านั้นเอง”
เลือดทั้งกายของแม่ทัพหลี่พุ่งไปถึงหัวสมอง แทบไม่อยากเชื่อว่าฮ่องเต้ส่งยาให้เขา นี่เป็นยาที่ฮ่องเต้ใช้โดยเฉพาะ
เขายื่นมือทั้งคู่ออกไปอย่างสั่นเทา หลังจากรับมาแล้ว แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว สูดลมหายใจเข้าหลายทีแล้วก็บีบกลั้นไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณฮ่อง….หวู่หลาง”
หยู่เหวินเห้าตบบ่าของเขา ยิ้มอย่างลึกซึ้งพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องขอบคุณ ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ล้วนมีความลำบากใจที่จะพูดออกมาไม่ได้ แต่แม่ทัพหลี่ คนนี้ที่เกรงกลัวเมียจะทำให้ครอบครัวรุ่งเรืองได้ ดังนั้นเจ้าดีกับนางหน่อย ชีวิตก็จะมีความสุข”
“ใช่ ใช่” เหมือนเป็นพระราชกฤษฎีกาอันศักดิ์สิทธิ์ แม่ทัพหลี่พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าจะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ดียิ่งกว่าที่ผ่านมา”
“ลุงหวู่หลาง พี่จุ่ย ข้าจะไปห้องน้ำ พวกเจ้ารีบไปเปลี่ยนเวรที” ทหารน้อยเฝ้าประตูเมืองคนหนึ่งเอามือกุมท้องวิ่งเข้ามา ตะโกนพูดกับหยู่เหวินเห้ากับสวีอี
แม่ทัพหลี่มองเห็นเขาซ่อนหนังสือวายร้ายไว้ตรงเอว สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที พร้อมผู้คิดขึ้นว่า “ไปเข้าห้องน้ำอะไร? คิดที่จะอู้งานไปอ่านหนังสือวายร้ายหรือ? ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ใสหัวไป”
พูดเสร็จ มือข้างหนึ่งล้วงไปที่เอวของทหารน้อยคนนั้น ล้วงเอาหนังสือเรื่องเล่าออกมาเล่มหนึ่ง แล้วก็ฉีกต่อหน้าทุกคน พร้อมพูดขึ้นว่า “หากมีครั้งต่อไป เจ้าใสหัวออกไปเลย”
เมื่อฉีกเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพหลี่ก็เสียใจ หัวสมองของเขาคิดอะไรอยู่ อารมณ์ที่รุนแรงของเขาเช่นนี้ ทำไมจะต้องแสดงต่อหน้าฮ่องเต้? นี่ไม่เท่ากับเป็นการบอกฮ่องเต้ว่าเขาดูแลจัดการได้ไม่ดีหรือ? ผู้ใต้บังคับบัญชามักจะอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำแล้วไปแอบดูหนังสือวายร้าย นี่ถึงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนเชียว
สายตาของหยู่เหวินเห้า มองดูหนังสือวายร้ายที่ถูกฉีกขาด แววตาตั้งตรง ฉีกทิ้งแบบนี้ไม่เสียดายหรือ? หนังสือที่ผิดศีลธรรมนี้ควรถูกริบไม่ใช่หรือ
ทหารน้อยเดินกลับไปเฝ้าประตูเมืองอย่างอายๆ หยู่เหวินเห้ากับสวีอีก็ไปเข้าเวรแล้ว แม่ทัพหลี่เดินตามอยู่ด้านหลังเขาไม่ไปไหน อยากที่จะอธิบายว่าทำไมทหารน้อยคนงามถึงดูหนังสือวายร้าย เพราะเขาไม่มีภรรยา
แต่ฮ่องเต้ไม่พูดอะไรสักคำ ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมือง ตรวจตราคนที่เดินทางเข้าออก
เขาจึงต้องพูดกับใต้เท้าสวีว่า “ปกติพวกเขาไม่เป็นแบบนี้ ครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เรื่องบังเอิญ”
สวีอีมองดูแม่ทัพหลี่ ก็แค่ดูอะไรสักหน่อยตอนที่เข้าห้องน้ำเองไม่ใช่หรือ? สำคัญอะไรหนักหนา นั่งอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานานขนาดนั้น คนที่ไม่เอาอะไรไปดูด้วยเลยถึงเรียกว่าไม่ปกติ
แม่ทัพหลี่เสียใจกับความวู่วามของตนเอง ทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้กับฮ่องเต้
ตอนประมาณบ่ายสาม หยวนชิงหลิงกับอะซี่มาที่ประตูเมือง เอาน้ำแกงถั่วเขียวช่วยแก้ร้อนในมาให้กับทุกคนด้วย
หยวนชิงหลิงกับอะซี่แต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ไม่ได้แต่งหน้าปลอมตัว แม่ทัพหลี่ดูออกทันทีว่าเป็นฮองเฮา
เพราะก่อนหน้านี้ฮองเฮากับพระชายาหวยได้ไปบริจาคข้าวต้มและยามากมายที่นอกเมือง เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย แม่ทัพหลี่เคยเห็นหลายครั้ง ฮองเฮายังยิ้มให้เขาด้วย
รอยยิ้มนั้น ทำให้เขาอบอุ่นไปทั้งชีวิตของเขา
ฮองเฮาไม่ได้อยู่นาน หลังจากเอามาให้แล้วก็ออกไปนอกเมือง วันนี้นางกับอะซี่ออกมาเดินเล่น จึงเอาของกินแก้ร้อนในมาให้พวกเจ้าห้าด้วย
แม่ทัพหลี่เห็นฮ่องเต้กับฮองเฮา ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาเหลือบมองตากัน ฮ่องเต้ยิ้มหัวเราะ ยิ้มหัวเราะอย่างหวานซึ้ง
ในใจของเขาตื่นเต้นมาก ความรักดั่งเทพยาดานางฟ้าแบบไหนกัน? หลายปีขนาดนี้แล้วฮ่องเต้กับฮองเฮายังรักใคร่กันมาก
เขาจะต้องเลียนแบบฮ่องเต้ ปฏิบัติตนดีกับแมวที่บ้าน ดียิ่งกว่านี้
เมื่อครบเจ็ดวัน ตอนที่เข้าเวรวันสุดท้าย หยู่เหวินเห้าพูดกับแม่ทัพหลี่ว่า “พรุ่งนี้ พวกเราก็จะย้ายกลับไปแล้ว หลายวันมานี้ ขอบใจมากที่ดูแล”
แม่ทัพหลี่เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ฮ่องเต้ไม่มีทางที่จะเฝ้าอยู่ที่นี่ไปตลอด ยังไงก็ต้องกลับเข้าไปในวัง
ถึงแม้เขาจะทำใจไม่ได้ แต่การได้ทำงานอยู่กับฮ่องเต้เป็นเวลาเจ็ดวัน ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของเขาแล้ว เขาพอใจและซาบซึ้งอย่างมากแล้ว
“หวังว่า พวกเราจะยังได้พบกันอีก” แม่ทัพหลี่อยากก้มกราบฮ่องเต้อย่างมาก แต่จะให้ฮ่องเต้รู้ไม่ได้ว่า เขารู้สถานะของฮ่องเต้แล้ว จะเป็นการทำให้ฮ่องเต้เสียหน้า จึงทำได้เพียงพูดอย่างเป็นทางการเช่นนี้
หยู่เหวินเห้าตบบ่าของเขา พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “แน่นอน”