บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1837 ฮ่องเต้เรียกไปเข้าเฝ้า
แม่ทัพหลี่ได้ยินประโยคนี้ ก็รู้ว่าจะได้เจออีกแน่นอน เพราะเขาคือฮ่องเต้ กษัตริย์พูดคำไหนคำนั้น เขาบอกว่าจะได้เจออีก ก็จะต้องได้เจอแน่
สวีอีก็บอกลาทุกคน ทุกคนต่างเสียใจ พี่จุ่ยคนนี้ถึงแม้จะพูดจาไม่น่าฟัง แต่เป็นคนค่อนข้างร่าเริง ตลก เพิ่มความสนุกให้กับทุกคน
ถึงจะเสียใจ แต่ก็ขออวยพรให้พี่จุ่ยมีอนาคตที่เจริญรุ่งเรือง
ตอนที่ฮ่องเต้ไป แม่ทัพหลี่แอบเช็ดน้ำตา
ถึงแม้ฮ่องเต้บอกว่าจะได้เจอกันอีก เขาก็มั่นใจว่าฮ่องเต้ไม่ผิดคำพูด แต่การอยู่ด้วยกันแบบนี้ วันเวลาที่พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว
แน่นอนว่าเขาก็ไม่คาดหวังอะไรมาก แต่ฮ่องเต้งานเยอะ เกรงว่าหากอยากเจอเขาก็คงไม่มีเวลา
ตอนกลางคืนเลิกงานกลับบ้าน เขาก็จมปรักอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกของการพรากจากกัน
ฮูหยินหลี่เห็นสภาพเขาเหมือนคนอกหัก ถามเขาว่าเป็นอะไร เขาเก็บงำไว้เป็นเวลานานในที่สุดก็โพล่งออกมาอย่างโศกเศร้า พูดกับฮูหยินทั้งน้ำตาว่า “ข้าพรากจากคนที่รักแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ฮูหยินเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ไหม?”
“ข้าเข้าใจชีวิตของเจ้า” ฮูหยินโกรธจัด เล็บมือข่วนทั้งใบหน้าและคอเหมือนอย่างฝนพรำ
แม่ทัพหลี่ไม่หลบไม่หลีก ปล่อยให้นางลงมือตามอำเภอใจ ในใจทั้งเศร้าและสงบ เจ้าลงมือเลย ข้ามียา
วันที่สอง มีคนคนหนึ่งมาบอกว่า ขอให้เขาสองสามีภรรยาไปที่จวนอ๋องฉู่
แม่ทัพหลี่ฟังแล้วก็ตื่นเต้นอย่างมาก จวนอ๋องฉู่เป็นสถานที่อะไร? นั่นเป็นจวนที่อยู่เดิมของฮ่องเต้ก่อนจะขึ้นครองราชย์นะ
“ไม่รู้ว่าท่านคือ….” แม่ทัพหลี่ดูเขาก็ไม่เหมือนเป็นขันที น่าจะไม่ใช่คนของฮ่องเต้ ยิ่งไม่ใช่ใต้เท้าสวี
“ข้าคือขุนนางของจวนอ๋องฉี ท่านอ๋องขอเชิญท่านกับฮูหยินไปพบ”
“อ๋องฉี?” แม่ทัพหลี่เกิดความสงสัยขึ้นมา อ๋องฉีเชิญเขากับฮูหยินไปที่จวนอ๋องฉู่ แต่ไม่ใช่จวนอ๋องฉี และก็ไม่ใช่กรมการพระนคร
“ใช่ คืนนี้ตอนหนึ่งทุ่ม เรียนเชิญแม่ทัพหลี่กับฮูหยิน….” ข้ารับใช้มองดูบาดแผลบนใบหน้าของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “บาดแผลของท่าน บางทีอาจจะเอาแป้งทาสักหน่อยก็ดีนะ”
“แมวข่วน ไม่ใช่ฝีมือภรรยาของข้า” แม่ทัพหลี่พูดอธิบาย
ค่ำคืนนี้ ท่านชายสี่ เหลิ่งจิ้งเหยียน หงเย่และอ๋องชินอีกหลายคนก็ถูกเชิญมาที่จวนอ๋องฉู่
แน่นอน พวกผู้หญิงก็มาด้วย ต่างมาเจอกันแบบส่วนตัว
ดังนั้น หยู่เหวินเห้าจึงให้แม่ทัพหลี่พาฮูหยินมาด้วย ผู้ชายทำงานอยู่ข้างนอก ก่อนอื่นจะต้องทำให้ภรรยาของตนเข้าใจ แบบนี้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวล
เหลิ่งจิ้งเหยียนกับท่านชายสี่แอบพูดบ่นกันว่า จะเจอกันทำไมจะต้องไปจวนอ๋องฉู่? อีกอย่าง ทำเหมือนอย่างกับการต่อสู้ครั้งใหญ่
ต้องการแก้แค้นหรือ? ก่อนหน้านี้พวกเขาก็พูดแล้วว่า เขาไม่ต้องไปเฝ้าประตูเมืองแล้ว แต่เขาต้องการที่จะไปเอง
ตอนหนึ่งทุ่ม แม่ทัพหลี่พาฮูหยินมาถึงนอกประตูจวนอ๋องฉู่ เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ฮูหยินหลี่กลับไม่เชื่อถือเลย คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง
เขาจะได้รับเชิญจากอ๋องชินได้อย่างไร?
แต่นางก็ยอมมาด้วย หาก หากเป็นความจริงล่ะ?
มาถึงหน้าประตูจวน ก็เห็นใต้เท้าทังเดินมาอย่างยิ้มแย้ม ยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพหลี่กับฮูหยินใช่ไหม? ข้าน้อยทังหยาง เชิญข้างใน ฮ่องเต้กับฮองเฮามาถึงแล้ว”
แม่ทัพหลี่กับฮูหยินขาอ่อนทั้งคู่ เกือบคุกเข่าลงไปแล้ว
“ฮ่อง…..ฮ่องเต้?” แม่ทัพหลี่ถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
“ใช่ขอรับ เรียนเชิญ” ใต้เท้าทังยิ้มพูดขึ้น
ฮูหยินหลี่ดึงแม่ทัพหลี่ พร้อมพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “พยุงข้าที ข้าเดินไม่ไหวแล้ว”
“ตอนที่ทำร้ายข้าฉกาจฉกรรจ์” ถึงแม้แม่ทัพหลี่จะพูดแบบนี้ แต่ตนเองก็ขาอ่านเหมือนกัน พยุงภรรยาตามใต้เท้าทังเข้าไปด้วยกัน
เขามองเห็นฮ่องเต้จากไกลๆ ในใจตื่นเต้นอย่างมากจนริมฝีปากสั่นเทา เมื่อวานยังโศกเศร้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอฮ่องเต้อีก วันนี้ก็จะได้เจอแล้ว ไม่ได้ เขาตื่นเต้นจนจะเป็นบ้าแล้ว
ยังไม่ได้เข้าประตู เสียงคุกเข่าก็ดังขึ้น ฮูหยินหลี่เห็นแล้ว ก็คุกเข่าลงด้วยความกลัว
หยู่เหวินเห้าออกมารับด้วยตนเอง ประคองแม่ทัพหลี่ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพหลี่ พวกเราได้เจอกันอีกแล้ว”
หลังจากกลับวังแล้ว เหลิ่งจิ้งเหยียนค่อยบอกเขาว่า ที่จริงแม่ทัพหลี่จำเขาได้ตั้งแต่แรกแล้ว หยู่เหวินเห้าค่อยคิดถึงสองสามวันสุดท้าย แม่ทัพหลี่ให้ความเคารพตนอย่างมาก ที่แท้ก็รู้สถานะของเขานี่เอง
ฮ่องเต้ประคองเขา แม่ทัพหลี่ตื่นเต้นจนแทบเป็นลม
มีคนยกของเข้ามามากมาย เขามองดูอย่างไม่ได้ตั้งใจแวบหนึ่ง เหมือนจะเป็นเอกสารนำจับที่หน้าประตูเมืองพวกนั้น