บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1844 หมู่บ้านเสว่ยวี่
เป่ยโม่ หน่วยทลายกองโจรแคว้นจินมาถึงหมู่บ้านตีนดอยภูเขาพีลี่
แต่ที่น่าแปลกก็คือ จากข้อมูลที่ได้มา หลายปีก่อนโจรภูเขาอาละวาด ฆ่าล้างทำลายผู้คน หมู่บ้านโดยรอบต่างประสบภัย น่าจะถูกทิ้งล้างโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครอยู่ถึงจะถูก
แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือหมู่บ้านที่มีชีวิตชีวา สตรีตั้งครรภ์สองคนนั่งเพลิดเพลินอยู่ใต้ร่มเงาที่ทางเข้าหมู่บ้าน ผู้หญิงมากมาย กำลังกระจัดกระจายยุ่งอยู่ในทุ่งที่ทางเข้าหมู่บ้าน ควันฟุ้งจากการทำอาหารในหมู่บ้าน เด็กๆเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน หัวไชเท้าแห้งและเนื้อห้อยตากอยู่หน้าบ้าน ดูเหมือนไม่มีกองโจรอยู่ข้างๆเลย
เมื่อมองเห็นพวกเขา หญิงตั้งครรภ์ที่ทางเข้าหมู่บ้านเดินมาหา รู้ว่าพวกเขามาจากแคว้นจิน กำลังจะไปเยี่ยมญาติที่ชายแดนเป่ยโม่ ก็ได้ต้อนรับพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านอย่างอบอุ่น
“ที่นี่ห่างจากชายแดนยังอีกไกล ยังต้องเดินทางภูเขาอีกกว่า 5 ชั่วยาม ในป่าเขามีสัตว์ร้าย ตอนกลางคืนไม่ปลอดภัยอย่างมาก หากไม่รังเกียจ สามารถพักในหมู่บ้านของพวกเราก่อนสักคืน พรุ่งนี้ค่อยตื่นเช้าแล้วเดินทางต่อ”
ในป่าเขามีเพียงสัตว์อะไรหรือ?
เจ๋อหลานกับจิ่งเทียนมองตากัน พยักหน้าตอบรับคำเชิญของพวกนาง
พวกผู้หญิงที่ยุ่งอยู่ในทุ่งก็ต่างล้างมือขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ผู้นำพวกผู้หญิงแนะนำตนเองว่าชื่อป้าหลิว เป็นฮูหยินของผู้ใหญ่บ้าน หญิงตั้งครรภ์สองคนเมื่อกี้เป็นลูกสะใภ้ของนาง
ป้าหลิวเห็นเจ๋อหลานแล้วก็ชอบมาก เรียกว่าลูกสาวอย่างไม่ขาดคำ พร้อมพูดขึ้นว่า “บ้านของข้ามีห้องเยอะ ลูกสาวเจ้าเข้ามาเลือกก่อน”
เจ๋อหลานไม่ได้บอกปัด ปล่อยให้นางดึงพาตนเองไป
ผู้หญิงที่เหลือก็เชิญก็เชิญคนที่เหลือ
“ไม่รบกวนทุกคน พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็จะรีบออกเดินทางแล้ว พวกเราพี่น้องนอนอยู่ด้วยกันก็พอ” พวกจิ่งเทียนเดินตามหลังเจ๋อหลานอยู่อย่างระมัดระวัง
ถึงแม้จะถูกปฏิเสธ แต่ความกระตือรือร้นของผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่ลดน้อยลง แห่กันพาพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้าน
ป้าหลิวเดินไปด้วยพูดแนะนำไปด้วยว่า “หมู่บ้านของพวกเรามีชื่อเรียกว่าหมู่บ้านเสว่ยวี่ พวกเจ้ามาได้ถูกจังหวะ คืนนี้หมู่บ้านของพวกเรามีเรื่องน่ายินดีพอดี”
ยังพูดไม่ทันเสร็จ พวกเด็กๆที่เล่นกันอยู่อย่างสนุกสนานในหมู่บ้าน ก็วิ่งมาโอบล้อมทุกคนไว้
เด็กอายุสามสี่ขวบเจ็ดแปดคนร้องเรียกพวกเขาว่าพี่สาวพี่ชายอย่างไรเดียงสา เรียกจนมู่โถวอิ่มอกอิ่มใจ
“หมู่บ้านของเราไม่มีแขกมานานมากแล้ว พ่อกับพี่ชายของพวกเด็กๆล่าสัตว์อยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน พวกเราก็ต้องทำงานเกษตร ไม่มีใครมีเวลาเล่นกับพวกเขา ทำให้พวกเขาอึดอัดแย่แล้ว” ป้าหลิวลูบหัวเด็กที่ใกล้ที่สุดด้วยความรัก แล้วพูดกับทุกคน
มู่โถวอายุน้อยที่สุด ท่าทียังดูใสซื่ออีกด้วย เป็นที่ชื่นชอบของเด็กน้อยมาก ถูกดึงแขนเสื้อ แล้วถามว่าไปเล่นด้วยกันได้ไหม
กว่าจะมีคนเรียกตนเองว่าพี่ชาย มู่โถวดีใจอย่างมาก แอบเหลือบมองดูหนิงหงเจาแวบหนึ่ง เห็นคุณชายไม่พยักหัว จึงทำได้เพียงลูบหัวเด็กพวกนั้น และก็ไม่กล้าเล่นกับพวกเขาขึ้นมา
เห็นว่าพามู่โถวไปไม่ได้ มีเด็กสองคนย้ายเป้าหมายไปที่เหลิ่งหมิงหยู่ เดินไปกอดเหลิ่งหมิงหยู่ ถามเขาว่าไปเล่นด้วยกันได้ไหม
แต่เหลิ่งหมิงหยู่กอดดาบไว้ ยืนนิ่งอยู่อย่างเย็นชา ต่อให้พวกเด็กขอร้องอย่างน่าสงสารอีกแค่ไหนก็ไม่ขยับ
มู่โถวเห็นพวกเขางอปากเหมือนจะร้องไห้ จึงรีบเอาผลไม้ที่ตนเก็บระหว่างทางออกมาแบ่งให้กับทุกคน ค่อยเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้ ยิ่งทำให้เด็กๆชอบเขามากขึ้น กอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
ผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านได้ยินการเคลื่อนไหว ต่างก็จะออกมาจากลานบ้านของตนเอง มองเห็นพวกเจ๋อหลาน ล้วนพากันตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะเชิญพวกเขาไปเป็นแขกที่บ้าน
ภาพฉากแห่งความสุขนี้ ถูกจิ่งเทียนตัดบทพูดขึ้นว่า “ป้าหลิว เวลาไม่เช้าแล้ว เดินทางมาไกลพวกเราพี่น้องเหนื่อยมากแล้ว รบกวนเจ้าพาพวกเราไปที่พักก่อนเถอะ”
“โถ่ ดูความจำของข้าสิ พวกเด็กๆไม่ต้องวุ่นวายแล้ว พี่ชายพี่สาวต้องพักผ่อนก่อน” ป้าหลิวรีบเรียกทุกคนมาพาลูกของตัวเองไป แล้วตนกับลูกสะใภ้สองคนก็พาพวกเจ๋อหลาน ไปที่ห้องรับแขกในบ้าน ให้พวกเขาพักผ่อนสักพัก ตอนกลางคืนจะเรียกพวกเขาออกมาทานข้าว
เมื่อประตูปิดลง เสียงฝีเท้าเดินจากไป
เจ๋อหลานพูดสั่งทุกคนว่า “ห้ามทานอาหารที่พวกเขาจัดเตรียมให้”
เหลิ่งหมิงหยู่พยักหัวอย่างว่าง่าย พี่สาวพูดอะไรก็ถูก เขาทำตามก็พอ
มู่โถวก็พยักหัวอย่างว่าง่าย ยังไงตนเองก็เชื่อฟังคุณชาย คุณชายเชื่อฟังฮ่องเต้จิ่งเทียน ส่วนฮ่องเต้จิ่งเทียนเชื่อฟังเจ้าหญิงเจ๋อหลาน ดังนั้นเขาจึงต้องเชื่อฟังเจ้าหญิงเจ๋อหลาน แต่ว่าทำไมถึงทานไม่ได้ล่ะ? เขาอยากรู้มาก แต่ก็ไม่กล้าถาม